จากม่านรูดสู่ออฟฟิศสร้างสรรค์ : มุมมองเมืองผ่านสายตานักออกแบบ

01/09/2020

ภาพ : หฤษฎ์ ธรรมประชา เมื่อเอ่ยถึงชื่อ ถ.ประดิพัทธิ์ นอกจากภาพจำอย่างการเป็นถนนสายของกินที่คึกคักแหล่งรวมโรงแรมที่พักของชาวต่างชาติ และสถานสังสรรค์ยามราตรีแล้ว ประดิพัทธิ์ในทศวรรษที่ผ่านมายังเต็มไปด้วยการเปลี่ยนผ่านเชิงกายภาพและการไหลเวียนของผู้คนที่สำคัญจนอาจนำไปสู่การปรับประสานเป็นย่านประดิพัทธิ์ใหม่เช่นปัจจุบัน หมุดหมายสำคัญหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านบริเวณโดยรอบนี้คือการตัดผ่านของรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทที่ไม่เพียงเอื้อให้เกิดการเชื่อมต่อการเดินทางเท่านั้น แต่ยังดึงดูดให้เกิดการลงทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ที่พื้นที่ ประดิพัทธิ์ในวันนี้จึงเต็มไปด้วยโปรเจ็กน้อยใหญ่ เช่น คอนโด ร้านอาหาร คาเฟ่ชิคๆ ที่เริ่มเข้ามาเปิดตัวและแทบไม่น่าเชื่อที่ ซ.ประดิพัทธิ์ 17 นี้มีโครงการอาคารสำนักงานอย่าง 33 Space ในบรรยากาศเป็นกันเองซ่อนตัวอยู่ก่อนกระแสพื้นที่สร้างสรรค์จะเริ่มเป็นที่สนใจในประเทศไทย ถ้าจะพูดให้จ๊าบสมวัยหน่อยก็ต้องบอกว่า ที่ 33 Space นี้ช่าง Hipster before it was cool! ในเชิงพื้นที่ 33 Space เป็นอาคารสำนักงานที่มีขอบเขตแน่ชัดและอยู่ผสมกลมกลืนกับ ซ.ประดิพัทธิ์ 17 มานานจนเป็นส่วนหนึ่งของคนในย่านไปแล้ว อีกทั้งที่นี่ยังวางแผนระบบการอยู่ร่วมกันที่ค่อนข้างเอื้อให้คนทำงานใช้ชีวิตอย่างครบวงจร ทั้งการมีโรงอาหารกลาง มีลานจอดรถ มีแม่บ้านช่วยทำความสะอาด และมีพนักงานรักษาความปลอดภัยดูแลตลอด 24 ชม. บรรยากาศภายในจึงดึงดูดทั้งผู้ประกอบการรวมถึงคนทำงาน และความคึกคักของถนนสายของกินอย่างประดิพัทธิ์ก็ช่วยเติมสีสันให้การทำงานและการใช้ชีวิตในย่านนี้ จากม่านรูดสู่พื้นที่สร้างสรรค์ แรกเริ่มเดิมที 33 space เกิดขึ้นจากการปรับปรุงพื้นที่ม่านรูดและห้องพักรับรองแขกระดับสูงที่หมดสัญญาเช่ามาแปลงโฉมเป็นออฟฟิศขนาดกะทัดรัดที่ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมเก่าไว้ ความเป็นมิตรของพื้นที่ […]

20 ปีของการพัฒนาเมือง : บทเรียนที่แสนเจ็บปวด La Confluence และ มักกะสัน

01/09/2020

หลายคนคงคุ้นเคยกับพื้นที่ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ อย่างพื้นที่สวนลุมพินีซึ่งมีขนาด 360 ไร่ หรือพื้นที่สนามหลวงใจกลางเกาะรัตนโกสินทร์ เเต่อาจจะมีไม่กี่คนที่รู้จักพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างพื้นที่มักกะสันที่มีขนาดใหญ่กว่า 700 ไร่ โดยมีขนาดเป็น 1.3 เท่าของพื้นที่สวนลุมพินี หรือเปรียบได้กับสนามหลวง 9 เเห่งด้วยกัน เเต่ปัจจุบันพื้นที่มักกะสันยังถูกปล่อยให้ร้างท่ามกลางการพัฒนาของพื้นที่อื่นๆ โดยรอบ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับพื้นที่ La Confluence ในประเทศที่พัฒนาเเล้วอย่างฝรั่งเศส ซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเก่าเเก่ใจกลางเมืองที่เคยถูกปล่อยให้ร้างเเละส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเชื่อมต่อกับเนื้อเมืองโดยรอบ โดยในบทความนี้จะอธิบายถึงขั้นตอนเเละเเนวคิดในการเเก้ไขปัญหาพื้นที่ลักษณะนี้ ผ่านกระบวนการวางผังเเละออกเเบบเมืองจนเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลาเพียงเเค่ 20 ปี โครงการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่เมืองลียงหรือ “La Confluence” นั้นตั้งอยู่ในพื้นที่อุตสาหกรรมเก่าเเก่ที่มีขนาดใหญ่กว่า 1.5 ตร.กม. โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่โรงงานอุตสาหกรรมที่เคยตั้งอยู่บริเวณพื้นที่เริ่มมีการปิดกิจการเเละย้ายออกจากพื้นที่ จึงเป็นผลให้พื้นที่กลายเป็นพื้นที่รกร้าง เสื่อมโทรมเเละไม่น่าอยู่อาศัย ผู้คนต่างพยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางมายังพื้นที่บริเวณนี้ เพราะนอกจากจะเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมเเล้ว ยังเป็นย่านที่อยู่อาศัยของชนชั้นเเรงงาน รวมถึงคุก St.Paul ทั้งๆ ที่บริเวณนี้นอกจากจะมีสถาปัตยกรรมของสถานีรถไฟเก่าเเก่อย่างสถานี Perrache เเล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่อยู่บริเวณเเหลมของเกาะใจกลางเมืองลียง ที่เป็นจุดตัดของเเม่น้ำสายสำคัญอย่างเเม่น้ำโซน (Saone) เเละแม่น้ำโรน (Rhone) ที่มีมุมมองของคุ้งน้ำที่สวยงามซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพมาก จากทำเลที่ตั้งที่เชื่อมต่อกับตัวเมืองทั้งฝั่งตะวันตกเเละฝั่งตะวันออกได้ จากการที่พื้นที่ที่มีศักยภาพระดับนี้ เเต่กลับถูกทิ้งร้างเเละเป็นที่หลีกเลี่ยงของผู้คนในเมือง ทางภาครัฐจึงได้มีการเสนอให้มีการบูรณะฟื้นฟูเมืองบริเวณนี้ โดยนอกจากจะเป็นการใช้พื้นที่ให้เหมาะสมกับศักยภาพที่มีอยู่เเล้ว ยังเป็นโอกาสในการเชื่อมต่อพื้นที่บริเวณนี้กับพื้นที่ด้านข้าง รวมถึงเป็นการขยายศูนย์กลางเมือง ไปทางใต้ของเกาะมากขึ้น ซึ่งจากเดิมการพัฒนาของเมืองลียงจะหยุดอยู่เเค่ที่สถานี Perrache ที่เปรียบเสมือนกำเเพงที่เเบ่งเกาะออกเป็น 2 ส่วน นั่นคือส่วนเหนือเเละส่วนใต้ ซึ่งผลจากการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่บริเวณนี้ จะเป็นการเชื่อมเเกนเหนือ-ใต้ของเมือง โดยจุดประสงค์หลักคือ การเพิ่มความหนาเเน่นพร้อมกับการสร้างพื้นที่สาธารณะเเละพื้นที่สีเขียวให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนทุกเพศ ทุกวัยเเละทุกกลุ่มรายได้ให้สามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม รวมถึงการสร้างความสมดุลระหว่างจำนวนของประชากรกับการใช้งานของพื้นที่โดยมีธีมหลักในการออกเเบบคือ เเม่น้ำสายสำคัญทั้ง 2 สายที่ขนาบข้างพื้นที่โครงการ โดยโครงการเเบ่งออกเป็น 2 ระยะ เเละมีระยะเวลาในการดำเนินงานทั้งหมด 20 ปี ซึ่งในระยะเเรก จะเป็นการพัฒนาพื้นที่ฝั่งตะวันตก หรือพื้นที่ที่อยู่ติดกับเเม่น้ำโซน (Saone) โดยมีเเนวคิดหลักคือ การพัฒนาให้กลายเป็นเมืองตัวอย่าง ผ่านการผสมผสานการใช้งานของพื้นที่ที่มีความหลากหลาย ซึ่งประกอบไปด้วย พื้นที่อยู่อาศัยเเละสำนักงาน รวมถึงพื้นที่สาธารณะ โดยลักษณะสัณฐานเดิมของพื้นที่บริเวณริมเเม่น้ำโซน (Saone) นั้น […]

Jobs-Housing Unbalance เมื่อกรุงเทพฯ มีจำนวนบ้านและแหล่งงานไม่สมดุล

01/09/2020

ปัญหาการจราจรส่งผลให้รถติด มลพิษเยอะ คนป่วย คงไม่ต้องบอกว่า กรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในเมืองที่รถติดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยพึ่งเผยผลสำรวจว่าคนกรุงเทพฯ เสียโอกาสทางเศรษฐกิจจากการที่ต้องติดอยู่ในท้องถนนคิดเป็นมูลค่าประมาณ 60 ล้านบาทต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณ 11,000 ล้านบาทต่อปี (เทียบเท่ากับมูลค่าลงทุนของรถไฟฟ้า 1 สายเลยทีเดียว) และล่าสุด Uber พึ่งเผยผลสำรวจว่าคนกรุงเทพฯ จะต้องเสียเวลาโดยเฉลี่ยไป 72 นาที หรือคิดเป็น 24 วันต่อปีกับสภาพรถติดและการหาที่จอดรถ นอกเหนือไปจากมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้ว รถติดยังทำให้คนกรุงเทพฯ มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจเพิ่มมากขึ้น จากข้อมูลสถิติการเจ็บป่วยของกองวิชาการสำนักการแพทย์กรุงเทพมหานครยังระบุว่าคนกรุงเทพฯ ยังมีแนมโน้มที่จะเป็นโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มสูงมากขึ้นทุกๆ ปี เฉลี่ยปีละ 20,000-30,000 ราย ไม่ว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โดยมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณมลพิษในบรรยากาศที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น ฝุ่นละอองจากควันรถยนต์ เป็นต้น คำถามสำคัญคือ ทำไมกรุงเทพฯ ถึงรถติดกว่าเมืองอื่นๆ ทำไมคนกรุงเทพฯ ต้องมีต้นทุนด้านเวลา และเศรษฐกิจที่มากกว่าคนเมืองอื่นๆ หากพิจารณาในเชิงผังเมืองแล้ว คำตอบคงมีอยู่อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น ระบบโครงสร้างพื้นฐานไม่ครอบคลุม ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น รถไฟฟ้าไม่ครอบคลุม พื้นที่ถนนน้อย หรืออาจจะเป็นเรื่องความไม่ต่อเนื่องของระบบการเดินทาง นโยบายไม่ส่งเสริมให้เดินทางอย่างอื่นแต่เน้นส่งเสริมให้ใช้รถยนต์เป็นต้น ความไม่สมดุลของจำนวนบ้านและจำนวนแหล่งงานที่กระจายตัวอยู่ภายในเมือง  ความไม่สมดุลนี้ส่งผลอย่างไรกับรถติด ลองคิดง่ายๆ ดูว่าถ้าคนกรุงเทพฯ หลายล้านคนที่อาศัยอยู่นอกเมือง ทุกคนต้องขับรถเข้ามาทำงานในพื้นที่แถวปทุมวัน สีลม สาทร […]

เมือง Łódź : ปรับโรงงานร้าง สร้างการเรียนรู้

29/08/2020

เมื่อ “คน” คือโจทย์สำคัญของเมือง คุณอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อกับเมือง Łódź (ออกเสียงว่า “วูช”) ประเทศโปแลนด์เท่าไหร่นัก อาจเพราะไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศ แต่ด้วยแผนพัฒนาเมืองในปี 2020 ที่เริ่มวางแผนและดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2012 เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมือง ดึงดูดนักลงทุนและพัฒนาด้านเศรษฐกิจของเมือง ด้วยการทุ่มพละกำลังในการฟื้นฟูเมืองซึ่งมิได้มุ่งเน้นแต่การปรับโครงสร้างและส่วนประกอบของเมือง แต่ยังให้ความสำคัญกับการเริ่มจาก “พลเมือง” ที่จะเป็นทั้งฟันเฟือนในการขับเคลื่อนและผู้ที่จะใช้งานพื้นที่เมือง จึงทำให้เมืองนี้มีความน่าสนใจและอาจนำมาเป็นบทเรียนสำคัญให้กับเราได้เป็นอย่างดี เมือง Łódź เป็นเมืองอุตสาหกรรมสิ่งทอเก่าที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศโปแลนด์ มีประชากรประมาณ 700,000 คน ห่างจากเมือง Warsaw เมืองหลวงของโปแลนด์ประมาณ 119 กิโลเมตร มีสิ่งปลูกสร้าง และส่วนประกอบที่หลากหลาย อาทิ ที่พักอาศัยแบบตึกแถว พระราชวังกว่า 27 แห่ง พื้นที่สีเขียวทั้งในรูปแบบของสวนสาธารณะ สวนขนาดหย่อม พื้นที่ระหว่างอาคารที่ถูกปรับปรุงให้บรรยากาศโดยรอบของเมืองน่ามองยิ่งขึ้น และโรงงานเก่ากว่า 200 แห่งที่บางส่วนกลายมาเป็นไฮไลต์สำคัญของเรื่องราวในครั้งนี้ สังคมได้เรียนรู้ คือ ผลตอบแทนทางสังคมที่คุ้มค่าที่สุด จากงานวิจัยในหลายส่วนในเมืองนี้ชี้ให้เห็นว่า คนมีความเข้าใจในเมือง Łódź และองค์ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเมืองค่อนข้างน้อย ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปทั้งความรู้สึกรับผิดชอบต่อเมือง และการใช้งานเมืองในลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าไปใช้พื้นที่สาธารณะของเมือง ยกตัวอย่างว่า […]

3 ย่าน: เยาวราช/เพลินจิต/พระประแดง ในความนึกคิดของนิสิตผังเมือง

20/08/2020

ย่านแต่ละย่านต่างมีรสชาติเป็นของตัวเอง มีทั้งเรื่องราว เรื่องเล่า การออกแบบที่สะท้อนบุคลิกของผู้คนที่อาศัยอยู่ The Urbanis ชวนสำรวจ 3 ย่านที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเยาวราช ย่านเก่าแก่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก, เพลินจิต ย่านธุรกิจใจกลางเมือง และพระประแดง ย่านที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมผ่านมุมมองของนิสิตภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 4 ทั้ง 3 คน เตรียมผูกเชือกรองเท้าให้พร้อมแล้วเดินสำรวจพร้อมกันในบทความนี้ได้เลย… A neighborhood/ศุภิฌา สุวรรณลักษณ์ ว่าด้วยความเป็นย่าน ย่านเปรียบเสมือนหน่วยย่อยของพื้นที่ทางสังคมของเมือง การเกิดย่านของมนุษย์นั้นเกิดจากกระบวนการที่ประกอบสร้างขึ้นตามความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของผู้คนในย่าน ทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและสาธารณะ แต่ทั้งนี้การจะพัฒนาเมืองไปสู่สิ่งที่สร้างความสุขในการใช้ชีวิตได้จริงนั้น ไม่อาจเกิดขึ้นได้ง่าย หากในกระบวนการวางผังเมืองหรือการก่อสร้างตึกอาคารละเลยที่จะคำนึงถึงหนึ่งในหัวใจสำคัญที่สุดของเมือง นั่นคือ การกระตุ้นให้เกิดปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้คนในเมือง ซึ่งสิ่งนี้จะนำไปสู่สำนึกของชุมชนจนถึงระดับย่านที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น ย่านที่ดีประกอบไปด้วยผู้คน กิจกรรม และเวลาอันเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างในแต่ละพื้นที๋สภาพแวดล้อมทางกายภาพของย่าน ซึ่งเกิดจากองค์ประกอบหลายส่วน เช่น สถาปัตยกรรมที่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนตัว หรือพื้นที่สาธารณะ รวมไปถึงคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้และไม่สามารถจับต้องได้ เช่น ระบบเศรฐกิจ-สังคม วิถีชีวิต ภูมิปัญญา อาหาร เป็นต้น โดยย่านเยาวราชนั้น มีองค์ประกอบดังที่กล่าวข้างต้นที่ทำให้ผู้คนทั้งภายในและภายนอกย่านนี้สามารถที่จะรับรู้ได้ถึงการเข้าย่าน-ออกย่านหรือความเป็นย่านได้เป็นอย่างดี แสดงให้เห็นถึงการทำให้ผู้คนมีความรู้สึกและรับรู้ได้ถึงการ ‘เป็นส่วนหนึ่ง’ ของย่านเยาวราชได้อย่างชัดเจน […]

คุยกับ รศ.ดร.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ เมื่อเพศสภาพไม่ได้มีแค่หญิงชาย เมืองจึงสะท้อนและตอกย้ำความไม่เท่าเทียมในสังคม

17/08/2020

เรื่อง : สหธร เพชรวิโรจน์ชัย ‘เมือง’ เป็นศูนย์กลางของความหลากหลาย ผู้คนต่างฐานะ เชื้อชาติ ศาสนา และรวมถึงเพศสภาพต่างเข้ามาสังสรรค์และสัมพันธ์ภายในเมือง และความหลากหลายเหล่านี้เองที่ทำให้โลกมองเห็นความ ‘ไม่เท่าเทียม’ ระหว่างกลุ่มคนได้แจ่มชัดขึ้น แต่ในด้านกลับ สมรภูมิของการต่อสู้เพื่อความหลากหลายจึงเกิดในพื้นที่เมืองเป็นสำคัญ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเด็นความไม่เท่าเทียมเป็นสิ่งที่ถูกยกมาพูดอย่างจริงจังในทุกมิติของสังคม หนึ่งในนั้นคือมิติเรื่องเพศที่มีการเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียมมาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะความเท่าเทียมระหว่างหญิงชายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนเพศหลากหลายด้วยเช่นกัน เพราะแท้จริงแล้วเพศสภาพมีความลื่นไหลได้หลากหลาย ทว่ามนุษย์เรากลับมองเห็นเพียงแค่สองเพศหญิงชายเท่านั้น ช่วงเวลาที่ผ่านมาประเด็นเหล่านี้จึงกลายเป็นที่ถกเถียงมากขึ้น การเรียกร้องต่างๆ ในปัจจุบันจึงมีรายละเอียดซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม เราจึงชวนคุยกับ รศ.ดร.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ สาขาวิชาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ที่ศึกษาด้านเพศสภาพมาอย่างยาวนาน ประเด็นพูดคุยในวันนี้ว่าด้วยความไม่เท่าเทียมทางเพศที่เกิดในเมือง เพศสภาพกับบทบาทต่อการสร้างเมือง ไปจนถึงปัญหาพื้นที่สาธารณะที่เกิดจากการมองแค่สองเพศ เพื่อหาคำตอบว่าเมืองที่เท่าเทียมควรมีหน้าตาอย่างไร  ไม่นานมานี้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต แต่ก็มีการถกเถียงว่ามันไม่ใช่การสมรสเท่าเทียม ทำให้มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาแสดงความคิดเห็นว่า “ขนาดหญิงชายยังไม่เท่าเทียมเลย แล้วเพศหลากหลายจะเท่าเทียมได้ยังไง” อาจารย์มีความคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไร ต้องเริ่มมองจากวิธีที่รัฐไทยจัดการเรื่อง “ครอบครัว” ในความหมายของเพศก่อน เพราะกลุ่มกฎหมายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่พูดถึงการหมั้นและการสมรสยังมีปัญหาอยู่ แปลว่าคนที่ไม่ใช่รักต่างเพศ (non-heterosexual) ที่จะมาสมรสกัน คุณก็จะเจอปัญหาแบบเดียวกับที่รักต่างเพศ (heterosexual) เจออยู่ตอนนี้ ถ้าคุณดูวิธีที่รัฐนิยามครอบครัว ทั้งในเชิงกฎหมายและนโยบายต่างๆ ครอบครัวจะหมายถึงหญิงชายที่แต่งงานกัน รวมไปถึงลูกของหญิงชายนั้น พูดง่ายๆ คือสามี […]

โอกาส ‘Smart City’ และความท้าทายของเมืองข้างหน้า

04/08/2020

คำว่า ‘Smart City’ กลายเป็นเทรนด์ยักษ์ (Mega-Trends) ที่หลายเมืองทั่วโลกกำลังเดินหน้าพัฒนาอย่างเต็มตัว ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้อย่างชาญฉลาด พร้อมการบริหารจัดการเมืองอย่างเหมาะสม โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการยกระดับคุณภาพชีวิตพลเมืองให้ดีขึ้น เพียงแต่ปัจจุบันเวลาพูดถึงการ ‘พัฒนาเมือง’ หลายคนกลับสนใจแค่การพัฒนาเชิงกายภาพอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเมือง หรือเทคโนโลยีล้ำสมัย  ทว่าแท้จริงแล้ว มิติของการพัฒนาเมืองมีความซับซ้อนมากกว่านั้น  ในงานเสวนา City Talk: Thammasat City Futures and TDS Exhibition 2020 ณ ลาน EDEN ชั้น 3 ศูนย์การค้า Central World มีการพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองสู่การเป็น Smart City กับ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ นิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา สองวิทยากรที่มีบทบาทในการพัฒนาเมืองมาอย่างเข้มข้น ดำเนินรายการโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อาสาฬห์ สุวรรณฤทธิ์ คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในหัวข้อโอกาสและความท้าทายของเมืองอนาคต Satellite Town อาจเป็นคำตอบของเมืองอนาคต งานเสวนาเริ่มต้นด้วยการแนะนำวิทยากรทั้งสองท่าน ที่สามารถเป็นตัวแทนเมืองในประเทศได้สองแบบสองสไตล์  กล่าวคือ นิพิฐ อรุณวงษ์ ณ […]

หมองกลิ่นเมืองเหงา

14/07/2020

ภาพข่าวที่ชวนให้สะเทือนใจเมื่อไม่นานมานี้คือ ภาพแม่ค้าที่ตลาดนั่งลงกับพื้นถนนไหว้อ้อนวอนผอ.เขต กับเจ้าหน้าที่เทศกิจที่ออกมาไล่รื้อแผงลอยค้าขายที่ตลาดลาวย่านคลองเตยในช่วงเวลาประมาณสามทุ่ม ในขณะที่เวลาสี่ทุ่มคือเวลาเคอร์ฟิว ถ้อยคำร้องทุกข์ของพ่อค้าแม่ค้าคือ ตอนนี้ก็ทำมาหากินยากอยู่แล้ว ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา และถูกซ้ำเติมจากมาตรการปิดเมืองเพื่อรับมือกับโควิด 19 ทำไมกทม. ถึงจะมาบีบให้คนทำมาหากินที่ลำบากอยู่แล้วต้องเผชิญกับสภาวะจนตรอกมากขึ้น ส่วนทางกทม. นั้นก็มีคำอธิบายว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “ทวงคืนทางเท้า” ของกทม. โดยอธิบายว่า ทางเท้านี้ถูกยึดไปเป็นตลาดมานานกว่า 30 ปี มีความพยายามไล่รื้อมาตั้งแต่เดือนเมษายนแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่สำเร็จ เดือนพฤษภาคมพยายามอีกครั้งก็ทำให้เราเห็นภาพชวนสะเทือนใจ นั่นคือ ภาพแม่ค้านั่งกลางถนนยกมือไหว้อ้อนวอนขอพื้นที่สำหรับทำมาหากิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดการปะทะกัน ระหว่างคนค้าขายบนพื้นที่ที่ฉันอยากจะเรียกมันว่าพื้นที่อันกำกวม นั่นคือ พื้นที่ริมถนน และทางเท้า กับเทศกิจและกทม. (และจังหวัดอื่นๆ ด้วย) นอกจากจะไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว ภาพแม่ค้าวิ่งหนีเทศกิจยังกลายเป็นภาพคลาสสิค สถาปนาพล็อตในหนัง ในการ์ตูน ในเรื่องสั้น ในละคร มีชีวิตอยู่ใน pop culture ของไทย จนเรารู้สึกไปโดยปริยายว่า มีทางเท้าก็ต้องมีรถเข็นขายของ มีรถเข็นขายของก็ต้องมีเทศกิจ เป็นเนื้อคู่กระดูกคู่กัน คำถามของฉันคือ ทำไมเราปล่อยให้มันกำกวม? และรถเข็น หาบเร่ แผงลอย ทั้งหมดในประเทศไทยมีอยู่ ดำเนินการอยู่โดยปราศจาก “การจัดการ” จริงๆ […]

เลี้ยงข้าวเพื่อน

22/06/2020

ฉันเสียใจตรงที่เก็งผิดว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินน่าจะประกาศเลิกใช้ตอนสิ้นเดือนพฤษภาคม ใครจะไปคิดว่าพ.ร.ก.ที่ดูทั้งเกินความจำเป็น และซ้อนทับกับกติกาที่มีอยู่แล้วอย่างพ.ร.บ.โรคติดต่อ จะถูกใช้อย่างยืดเยื้อแบบไม่ได้ดูมิติอื่นๆ ของสังคมขนาดนี้ และวันที่เขียนอยู่นี่ก็กระชากออกไปจนถึงเดือนหก แถมกำหนดเวลาประหลาดพิลึก เว้นช่องแบบพอให้ได้รู้ว่ากูควบคุมอยู่นะ อย่าได้คิดเหิมเกริมใดๆ ไอ้พวกคนบาปผู้ทำมาหากินยามราตรี เป็นภาระสังคมเสียเหลือเกิน แต่พูดไปทำไม มาขนาดนี้แล้วคงต้องโทษตัวเองว่ายังกล้าจะหวังว่าผู้มีอำนาจเขาจะตัดสินใจโดยรวมเอาองค์ประกอบสำคัญอย่างประชาชนพลเมืองเข้าไปในสมการ ห้ามแล้วยังหวดฟาดด้วยคำศัพท์หรูหราสารพัด ที่ฟังแล้วให้รู้สึกว่าเรานี้มันช่างต้อยต่ำและไร้สุนทรียะ ที่ดันต้องการแค่คำแถลงการณ์แจ้งสถานการณ์ล่าสุดในภาพรวมแบบทันเวลา แต่กลายเป็นว่าแถลงการณ์นั้น เหมือนถูกเขียนโดยครูประถมที่สาดใส่ทั้งคำเปรียบคำเปรยคำสอนมาอย่างเต็มที่ ชวนให้คิดถึงสมัยพ่อขุนฯ ที่ให้ไพร่ทาสไปเขย่ากระดิ่งร้องทุกข์กันได้ เพราะทางหนึ่งก็มองไปว่าเป็นห่วงเป็นใย ละเอียดละออเหลือเกินในทุกรายละเอียดของชีวิตคนฟัง จนร่ำๆ จะพนมมือเปล่งสาธุออกมาโดยพร้อมเพรียง แต่ที่มองเห็นวูบแรกคือ เขาไม่ได้เห็นเราเป็นพลเมืองเสมอกัน แต่เป็นอ้ายอีที่จักต้องดูแลไว้ใช้งานส่งส่วย หาข้าวหาน้ำป้อนแก่ส่วนกลางต่อไป เป็นแรงงานที่ไม่มีอะไรต้องให้รู้ให้เข้าใจเยอะ สั่งอะไรก็ไปทำแล้วกัน ทำไม่ได้จะด้วยเหตุใดก็อย่ามาอ้าง ให้ถือว่าทั้งหมดเป็นความผิดส่วนตัว ที่ทั้งขี้เกียจแลงอมืองอตีน เป็นตัวถ่วงภาระสังคม บ่นมาครึ่งทางนี่ก็เพื่อจะบอกว่าโครงการ (เรียกเสียยิ่งใหญ่เกินจริงไปมาก แต่ก็ไม่รู้เรียกอะไรจะเข้าท่า จะทับศัพท์ว่าโปรเจกต์ก็เขินตัวเอง เพราะมันไม่ได้เก๋ไก๋อะไรขนาดนั้น) ‘เลี้ยงข้าวเพื่อน’ ของฉันนั้น ตัดจบไปตั้งแต่ปลายเดือนห้า เพราะทุนนั้นก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่ต้องให้พักกันไป เพราะเกรงใจทุกๆ ส่วนที่ร่วมกันในโครงการ ด้วยว่าพ.ร.ก.นั้น อาจจะยืดยาวต่อไปก็จริง แต่มาตรการลักปิดลักเปิดที่เรียกว่าความปกติใหม่นั้นเริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งก็เพิ่มกติกาชีวิตให้คนอีกมาก ทั้งผู้ประกอบการ และฝ่ายผู้บริโภค (ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็สามารถเป็นได้ทั้งสองอย่าง หรือกลับกันได้เสมอ) […]

‘สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา’ : ความหวังและความเป็นไปได้ใหม่ ในการเติมสีเขียวให้เมือง เชื่อมเมือง เชื่อมชุมชน ให้ผู้คนเดินได้

09/06/2020

กรุงเทพมหานคร เมืองที่แออัด รถติด ขนส่งสาธารณะไม่ทั่วถึง ฝุ่นควัน ความไม่เท่าเทียมไม่เสมอภาค และอื่นๆ อีกมากเรื่อง พูดกันได้ไม่รู้จบ แม้เราจะบ่นถึงปัญหาสารพัดของเมืองได้ทุกวัน แต่การค้นหาความเป็นไปได้ในการปรับปรุงฟื้นฟูเมืองให้ดียิ่งขึ้นก็กำลังเดินหน้าทำงานขนานกันไป ล่าสุดหนึ่งในโครงการปรับเปลี่ยนสะพานด้วนให้เป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าก็สำเร็จลุล่วง เปิดให้ผู้คนได้ใช้บริการแล้ว  โครงการ สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา (Chao Phraya Sky Park) เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจากโครงการผังแม่บทการฟื้นฟูเมืองชั้นใน ที่มีชื่อเล่นว่า ‘โครงการกรุงเทพฯ 250’ ด้วยความร่วมมือจากภาคีพัฒนาสำคัญ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ในฐานะหน่วยงานท้องถิ่น หัวเรี่ยวหัวแรงประสานความร่วมมือ สนับสนุนงบประมาณในการศึกษา ออกแบบวางผัง และดำเนินการก่อสร้าง ร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม ในฐานะเจ้าของโครงสร้างสะพานและผู้ดูแลพื้นที่ ที่เปิดไฟเขียวสนับสนุนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้กลายเป็นพื้นที่สาธารณะส่งเสริมการสัญจรของเมือง พร้อมด้วย ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (UddC) ในฐานะหัวหน้าทีมศึกษาออกแบบวางผังและเสนอความเป็นไปได้ใหม่ในการพัฒนาฟื้นฟูเมือง สร้างพื้นที่สาธารณะ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ที่ผู้คนในเมืองสามารถเดินได้เดินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น  วันนี้อยากชวนทุกคนมาเดินทอดน่องชมวิวพระอาทิตย์ตกบนสวนลอยฟ้าเจ้าพระยาแห่งนี้ พร้อมกับฟังแนวคิดและการวางแผนดำเนินการ อุปสรรค รวมถึงข้อจำกัดที่ท้าทาย กับ ผศ.ดร.นิรมล เสรีสกุล ผู้อำนวยการ […]

1 2 3 4 5 8