คืน “คน” ให้เมือง

17/03/2020

มายาคติหนึ่งเกี่ยวกับเมืองในสังคมไทยคือการสร้างภาพให้เมืองเป็นคู่ตรงกันข้ามกับชนบท เมืองเท่ากับความวุ่นวาย, อันตราย, เห็นแก่ตัว, เร่งรีบ, ผู้คนแปลกแยกต่อกัน, ป่าคอนกรีต, แห้งแล้ง ฯลฯ ชนบทเท่ากับ ความร่มรื่นเขียวขจี ความอุดมสมบูรณ์ ท้องนาเขียวชอุ่ม ผู้คนใสซื่อ เป็นมิตร ไม่รีบร้อน ไม่แก่งแย่ง ฯลฯ ด้วยมายาคตินี้ทำให้คนมองว่าเมืองคือพื้นที่ที่ทำลาย “ความดีงาม” ตามธรรมชาติของมนุษย์ เมืองทำให้คนดีๆ กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เมืองทำให้ผู้หญิงดีๆ จากชนบท เสียผู้เสียคน ถ้ามายาคตินี้ไม่ถูกทุบทิ้ง เมืองจะเท่ากับความเลวร้าย เป็นผู้ร้ายโดยกมลสันดาน และหากเราเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ในเมือง เพราะเราต้องทำงาน เพราะเราหลงแสงสีความสะดวกสบาย เพราะเราต้องสมถะ เราก็ต้องยอมขายวิญญาณของเราไปแล้วจำนนต่อความเลวร้ายของเมืองในทุกมิติ  เราต้องกลายเป็นคนเย็นชา ไม่รู้หนาว เราต้องกลายเป็นผีป่าคอนกรีตแล้งนำใจ และห่อหุ้มตัวเองด้วยสุนทรียศาสตร์จอมปลอมของเมือง เช่น การอยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา วันหยุดเดินห้าง และไม่อาจจินตนาการได้ว่า เราสามารถเรียกร้องความเป็นธรรมชาติใดๆ ถ้าเราเลือกอยู่ใน “เมือง” แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมืองไม่ใช่คู่ตรงกันข้ามกับชนบทในแง่ของ “ศีลธรรม” และ “ธรรมชาติ”  สิ่งที่ทำให้เกิดความเป็น “เมือง” ขึ้นมาอาจหมายถึงทำเลแห่งการเป็นเมืองท่าค้าขาย  อาจเคยเป็นศูนย์กลางอำนาจมาแต่เก่าก่อน บางเมืองกลายเป็น […]

care economy เศรษฐกิจของเมืองผู้สูงอายุและการเตรียมตัวแก่

13/03/2020

จากสถิติผู้สูงอายุของประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ของกรมกิจการผู้สูงอายุ พบว่า มีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็น ร้อยละ 16.73 ต่อจำนวนประชากรทั้งหมด นั่นหมายความว่า ประเทศไทยในตอนนี้กำลังก้าวสู่ระดับสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged society) คือ มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ และมีแนวโน้มว่าจะเข้าสู่การเป็น สังคมสูงอายุอย่างเต็มที่ (Super-Aged Society) ในอีกไม่ช้า เมื่อกลับมาดูสัดส่วนผู้สูงอายุในเมือง โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร พบว่า กรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่มีจำนวนผู้สูงอายุมากที่สุด คือ ร้อยละ 18.78 ต่อจำนวนประชากรทั้งหมดในจังหวัด นั่นหมายความว่า หากเปรียบเทียบกรุงเทพฯเป็นหนึ่งประเทศย่อม ๆ พลเมืองชาวกรุงเทพก็กำลังเผชิญการเข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์เช่นกัน  แล้วจำนวนผู้สูงอายุส่งผลอย่างไรต่อเมือง? ผู้สูงอายุก็นับว่าเป็นหนึ่งในประชากรของเมือง ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่ก็คือ พี่ ป้า น้า อา ลุงข้างบ้าน อากงที่เราเจอในสวนสาธารณะ หรือคุณยายที่รอรถสาย 40 […]

ความจำเป็นของบ้านสุดท้ายของชีวิตคนเมือง

12/03/2020

สถานการณ์สมมติ –  ชีวิตประจำวันของคนเมือง A “ฉันตื่นเช้าไปทำงานตั้งแต่หกโมงเพราะกลัวรถติด เลิกงานแล้วก็ยังต้องหาอะไรทำอยู่ข้างนอก ทำโอทีบ้าง ไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง เลี่ยงรถติดตอนเย็นอีกเหมือนกัน กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาเข้าไปสามสี่ทุ่มแล้ว ไปถึงก็อาบน้ำนอนดูซีรี่ย์ สักตีหนึ่งค่อยหลับ อยู่คอนโดเล็ก ๆ อย่างฉันไม่มีอะไรให้ทำมากหรอก ทำอาหารเลี้ยงสัตว์ก็ไม่ได้” นิยามของคำว่า “บ้าน” ถ้าให้เราลองนิยามคำว่า “การใช้ชีวิตในเมือง” หนึ่งในนั้นก็คงหนีไม่พ้น ความเร่งรีบ ความวุ่นวาย หรือการผ่าฟันความลำบากทั้งหลายแหล่ในชีวิตประจำวัน ยิ่งเฉพาะกรุงเทพมหานคร จ้าวแห่งความโกลาหลแล้ว ไม่ว่าจะรถติดบนโลเคชั่นสี่แยกดาวอังคาร กำลังนั่งยานกลับดาวพลูโต หรือเดินอยู่บนฟุตพาทพร้อมแฮชแท๊ก #ชีวิตดีดีที่ลงตัว ก็ตาม ไม่ว่าใครก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนกรุงเทพต้องแข็งแกร่งอยู่เสมอ  และด้วยวิถีชีวิตเช่นนี้เอง “บ้าน” ของคนเมืองก็ต้องถูกปรับให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน บ้านของคนเมืองที่ว่าเป็นได้ทั้งห้อง ๆ หนึ่งบนคอนโดสูง หอพักรายวัน ห้องเช่า ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ บ้านแฝด ไปจนถึงบ้านเดี่ยวชานเมือง เราทุกคนเลือกบ้านที่สะดวกต่อการดำเนินชีวิตอันเร่งรีบวุ่นวายนี้ คำว่า “บ้าน” ที่คนเมืองใช้เรียกหาจึงเป็นพื้นที่ที่เอื้อให้เราไปทำงานได้สะดวกขึ้น มีอาณาบริเวณใช้สอยตามความจำเป็นและราคาที่เรากล้าแบก เป็นพื้นที่ที่ให้เราสามารถพักใจพักกายจากความเหนื่อยล้า นอนเล่นโทรศัพท์บนฟูกนุ่มและรดน้ำต้นไม้กระถางเล็ก ๆ ที่มุมห้อง “บ้าน” ในบริบทนี้ […]

ลดวิกฤติฝุ่นด้วยเมืองเดินได้

11/03/2020

เข้าปีใหม่มาได้สองสามเดือน ประเทศไทยดูจะเจอกับวิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไขหลายเรื่อง หนึ่งในวิกฤติเมืองที่ติดค้างมาตั้งแต่ปลายปีและดูท่าจะกลับมาเยือนทุกลมหนาว คือ ‘เราจะแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศ ฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพฯ ได้อย่างไร’ นี่เป็นเรื่องซีเรียสและเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนต้องผลักดันหาทางแก้ไข ถ้าเอารถยนต์ออกจากถนนไม่ได้ เราจะไม่มีวันได้อากาศที่ดีคืนมา ต้องเข้าใจก่อนว่าปัญหามลภาวะทางอากาศในกรุงเทพฯ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เราหายใจสูดฝุ่นพิษ PM2.5 กันมาตั้งนานแล้ว แต่ที่เราตื่นตัวในช่วง 1-2 ปีให้หลังเพราะเพิ่งจะมีตัวเลขจากการตรวจวัดสภาพอากาศมาแสดงให้เราเห็นและแชร์กันทั่วโซเชียลมีเดีย สาเหตุหลักของ PM 2.5 เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการที่กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่คนต้องพึ่งพารถยนต์ตลอดเวลา ตัวเลขรถยนต์จดทะเบียนในกรุงเทพฯ มีสูงถึง 11 ล้านคันและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึงปีละกว่า 300,000 คัน หรือร้อยละ 17 ซึ่งสูงกว่าทุกเมืองในโลก จำนวนรถยนต์ที่เยอะขนาดนี้ไม่สอดคล้องกับปริมาณถนนในกรุงเทพฯ ที่มีเพียงแค่ 7% (เมืองที่ดีควรมีพื้นที่ถนนร้อยละ 25-30 ของพื้นที่ทั้งหมด) นี่จึงเป็นสาเหตุทำให้กรุงเทพฯ รถติดหนัก ผลการศึกษาจากโครงการเมืองเดินได้-เมืองเดินดี (GoodWalk) ระบุว่าคนกรุงเทพฯ ใช้เวลานั่งอยู่ในรถยนต์ถึง 800 ชั่วโมงต่อปี และทุกชั่วโมงที่รถติดอยู่บนถนนจึงปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 400 กรัมต่อการเดินทาง 1 กิโลเมตร ผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยบอกว่า […]

Viaduc Des Arts และ Promenade Plantée เมืองเปลี่ยนสะพาน สะพานเปลี่ยนเมือง

19/02/2020

ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงสวนยกระดับ (Elevated Park) หลายคนอาจเริ่มคุ้นเคยและนึกออกอยู่หลายที่ อย่างเช่น Manhattan’s Highline สวนสูงใจกลางนิวยอร์ก  แต่หากเจาะจงถึงต้นฉบับของการพัฒนาสวนในพื้นที่ยกระดับ ต้องยกให้ Viaduc Des Arts และ Promenade Plantée ของเมืองปารีสในประเทศฝรั่งเศส ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1993 แถมยังเป็นสวนแรกของโลกที่เกิดจากการปรับปรุงรางรถไฟรกร้างอีกด้วย แรกเริ่มเดิมทีรางรถไฟที่ตั้งอยู่ในเขตที่ 12 (12th arrondissement) นี้เคยเป็นรางที่เชื่อมรถไฟจากจัตุรัส ปาสเดอลาบาสตีย์  (Place de la Bastille) ในเมืองปารีส สู่ด้านตะวันออกของเมือง รถไฟขบวนนี้รับส่งผู้คนหลายต่อหลายยุค รวมระยะเวลาใช้งานมากว่าร้ายปี แต่แล้วในปี 1969 รางรถไฟนี้ก็เลิกใช้งาน เพราะระบบรถไฟที่พัฒนาใหม่ เปลี่ยนมาใช้เป็นรถ RER ที่วิ่งใต้ดิน ทำให้เส้นทางรถไฟส่วนนี้ได้รับผลกระทบไปด้วย  เมื่อเส้นทางรถไฟเปลี่ยนไป เมืองก็เปลี่ยนแปลง จากที่ทางรถไฟนั้นเคยเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่เป็นตัวแสดงถึงความรุ่งเรืองในยุคอุตสาหกรรม ความรถกร้าง ผุพัง เริ่มเข้ามาแทนที่เมื่อถูกปล่อยทิ้งร้างมาราวสิบปี หนึ่งในแผนในการจัดการกับความเสื่อมโทรมนี้คือการกำจัดรางรถไฟที่รกหูรกตานี้ทิ้งไปเสียทว่า City of Paris ก็ผุดอีกไอเดียหนึ่งที่ได้ทำจริงขึ้นมา นั่นคือการเปลี่ยนรางร้างนี้ให้เป็น ด้านบนสวน […]

กรุงเทพฯ แสงสุดจ้า! กับจรรยาพร จุลตามระ

17/02/2020

เอกศาสตร์ สรรพช่าง ทั้งชื่อ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จรรยาพร จุลตามระ) และงาน (นักวิจัยและนักออกแบบแสงสว่างจาก ศูนย์วิจัยนวัตกรรมเพื่อการส่องสว่าง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี)  ของเธอไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนักเหมือนนักออกแบบสาขาอื่น ทว่าในแวดวงของคนที่ทำงานเรื่องการออกแบบแสง (Lighting Design) แล้ว เธอเป็นไม่กี่คนในไทย ที่มีบทบาทโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบแสงกับเมือง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องแสงบนพื้นที่สาธารณะ  นักออกแบบแสงกับเมืองนั้นมีความสำคัญมากเพราะเกี่ยวโยงเข้ากับหลายมิติของคนที่อยู่อาศัย ใต้ความสว่าง ทั้งเรื่องความปลอดภัย เรื่องการใช้พลังงาน สิ่งแวดล้อม สุขภาพและอัตลักษณ์ของเมือง แต่ผู้คนส่วนมากมักมองเห็นแสงไฟในมุมของการใช้งานแต่เพียงอย่างเดียว  เรามีโอกาสได้พูดคุยกับเธอบนโถงกิจกรรมที่ชั้น 6 ของตึก KX Connect ซึ่งราวกับมาผิดที่เพราะไฟทุกดวงปิด และเราหาสวิตช์กันอยู่นานกว่าจะเจอ บทสนทนาเรื่องแสงเริ่มต้นในห้องสลัว มีเพียงแสงแดดจากภาพนอกที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างให้พอได้เห็นท่าทีสบายๆ แผงแววตาของความมุ่งมั่น สนุกสนานและ เอาจริงๆ เราแอบเห็นความปลงนิดๆ แบบคนเข้าใจโลกอยู่ในนั้นด้วย Q: คุณเริ่มสนใจเรื่องการออกแบบแสงสว่าง(lighting design) ได้อย่างไร ผมว่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีบุคลากรที่สนใจเรื่องนี้อยู่ไม่มากนัก A: ครั้งแรกจริงๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก คือจบการออกแบบอุตสาหกรรม(Industrial Design) จากจุฬาฯ หลังจากเรียนจบก็หาที่เรียนที่เป็นเฉพาะทาง ซึ่งตอนนั้นก็ไม่มีทางเลือกมาก มีแค่ […]

ม.ร.ว.นริศรา จักรพงษ์ – คนเมืองกับเรื่องโลกร้อน Take action แต่อย่าเครียดเกินไป

01/02/2020

“Take action แต่อย่าเครียดเกินไป” กิจกรรมดีๆ ที่น่าสนใจอย่าง เทศกาลบางกอกแหวกแนว 2563 จะจัดขึ้นในวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์นี้ ที่มิวเซียมสยามและจักรพงษ์วิลล่า เป็นเทศกาลทางความคิดที่ให้ไอเดียบันดาลใจสำหรับชีวิตในเมือง มีกิจกรรมทั้งเสวนา เวิร์คช็อป เปิดตัวหนังสือ ฉายภาพยนตร์ และคอนเสิร์ต (ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง www.bangkokedge.com) เราจึงถือโอกาสนี้เดินทางไปยังวังจักรพงษ์เพื่อพูดคุยกับ ม.ร.ว.นริศรา จักรพงษ์ ผู้อำนวยการเทศกาล แต่แน่นอนว่า ในฐานะที่คุณหญิงเป็นนักสิ่งแวดล้อมผู้ก่อตั้งและอดีตประธานมูลนิธิโลกสีเขียว และท่ามกลางบรรยากาศสถานการณ์ที่โลกและประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่หนักหนาสาหัสขึ้นทุกวัน หัวข้อสนทนาของเราจึงว่าด้วยเรื่องราวตั้งแต่ โลกร้อน, เกรต้า ธุนแบร์ก, บริโภคนิยม, วีแกน, การลดลงของผึ้ง ไปจนถึงทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา สิ่งที่เราสัมผัสได้ก็คือ คุณหญิงนริศรา take action ต่อปัญหาโลกร้อนและพูดถึงมันด้วยท่าทีสบายๆ ซึ่งนี่น่าจะเป็นความ ‘นิ่ง’ ของคนที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมมานาน และความนิ่งนี้เองที่เราคิดว่ามันน่าจะช่วยให้คนรุ่นใหม่ๆ ที่อยากจะ take action มีกำลังใจขึ้นบ้าง  Q: เรื่องการตระหนักเกี่ยวกับโลกร้อนในปัจจุบัน เราจะเห็นว่ามีคนอย่าง เกรต้า ธุนแบร์ก (Greta Thunberg) ที่ไม่นั่งเครื่องบินไปร่วมประชุมยูเอ็น […]

พินิจเมือง – ส่องข่วงเจียงใหม่กับนักภูมิศาสตร์เมือง

31/01/2020

ข่วงท่าแพ หรือ ลานกว้างหน้าประตูท่าแพ  เป็นสถานที่สำคัญที่ใครหลายคนต้องแวะไปถ่ายรูปเมื่อมีโอกาสไปเยือนจังหวัดเชียงใหม่  ข่วงในภาษาเหนือแปลว่า สถานที่ ลานกว้าง ตั้งแต่ระดับพื้นที่ของบ้านไปจนถึงพื้นที่ของเมือง ข่วงท่าแพ ประกอบไปด้วยประตูเมือง กำแพงเมือง ลาน ส่วนเชื่อมต่อระหว่างถนนคชสารและถนนท่าแพ และอาคารห้างร้าน  ข่วงท่าแพไม่เพียงแค่เป็นลานกิจกรรมของคนเมืองเท่านั้น แต่ยังมีลักษณะการใช้งานที่ตอบสนองต่อทั้งคนและสัตว์ ดังที่ คือ อ.ดร.ญาณิน จิวะกิดาการ หุยากรณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาภูมิศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ทำการสำรวจเวียงเจียงใหม่เมื่อครั้งมีโอกาสได้นั่งทำงานที่ร้านกาแฟรอบข่วงท่าแพแห่งนี้  จากมุมมองของ “นักภูมิศาสตร์เมือง” ที่ได้ศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างคน ชุมชนกับกายภาพเมืองผ่านมุมมอง Midnight Flaneur โดยส่องเวียงเจียงใหม่ผ่านการนั่งมองชีวิต หรือที่เรียกว่า นั่งทอดหุ่ย และผู้คนที่เข้ามาใช้พื้นที่ข่วงท่าแพด้วยความบังเอิญจากการหาร้านกาแฟนั่งทำงานที่เปิด 24 ชั่วโมงในตัวเมืองเชียงใหม่และพบว่าข่วงท่าแพหรือพื้นที่ลานกว้างหน้าประตูท่าแพมีการแบ่งปันการใช้งานพื้นที่ทั้งมนุษย์และสัตว์ โดยนับตั้งแต่เวลาหัวค่ำไปจนพระอาทิตย์แรกแย้มของวันใหม่  ข่วงท่าแพ ผลัดเปลี่ยนผู้ใช้งานตามกาลและเวลา นับตั้งแต่พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ในคืนวันอาทิตย์ที่มีการสัญจรของผู้คนพลุกพล่านเนื่องจากเป็นวันที่มีการปิดถนนและมีถนนคนเดินเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่ในช่วงหัวค่ำเป็นช่วงเวลาการใช้งานของมนุษย์ อย่างการเล่นดนตรี เปิดการแสดง จนถึงช่วงเวลา 21.00 น. จึงเปลี่ยนรูปแบบเป็นการใช้งานของสัตว์หากินกลางคืนอย่าง “ค้างคาว” ที่มีความสำคัญต่อนิเวศของเมืองอยู่หลายประการ ทั้งเป็นผู้ควบคุมประชากรแมลง ช่วยขยายพืชพันธุ์ผ่านการช่วยกระจายเกสรและเมล็ด รวมถึงขี้ค้างคาที่เป็นปุ๋ยอย่างดีให้กับต้นไม้ในเมือง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนข่วงจะเปลี่ยนหน้าที่เป็นลานจอดของรถแดงและรถตุ๊กตุ๊กเพื่อรอรับส่งผู้โดยสารกลับสู่ที่พัก  ในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนวันอาทิตย์ก้าวเข้าสู่เช้าวันจันทร์ […]

เกิดน้อยในเมืองใหญ่ การเกิดคือเรื่องของใคร

30/01/2020

Editorial team ‘เมื่อไหร่จะมีลูก’ ‘เมื่อไหร่จะได้อุ้มหลาน’ คำถามเหล่านี้กลายเป็นคำถามยอดฮิตของหลายครอบครัวในประเทศไทย ส่วนในระดับนโยบายไม่กี่ปีมานี้เริ่มมีการพูดถึงเรื่อง‘มีลูกเพื่อชาติ’รัฐบาลที่แล้วได้ ออกโครงการอย่าง‘สาวไทยแก้มแดง’ที่แจกจ่ายวิตามินแก่หญิงวัยเจริญพันธุ์เพื่อ กระตุ้นการมีบุตร ไปจนถึงการลดหย่อนภาษีให้ผู้ที่มีบุตร เหตุการณ์หลายอย่างในหลากระดับกำลังสะท้อนให้เห็นว่าอัตราการเพิ่มประชากรในไทยกำลังลดน้อยลงเรื่อยๆแต่เราไม่ได้กำลังเผชิญสิ่งนี้เพียงลำพังเพราะอัตราการเกิดที่กำลังน้อยลงคือความเป็นไปของยุคปัจจุบันและรวมถึงอนาคตทั่วทั้งมวลมนุษยชาติคนเกิดน้อยลงเพราะอะไรสัมพันธ์อย่างไรไหมกับความเป็นเมืองและจะเป็นไปได้ไหมที่อัตราการเกิดจะฟื้นคืนในอนาคต รศ. ดร.อภิวัฒน์ รัตนวราหะ ผู้วิจัยเรื่อง ‘การเกิดในเมือง’ภายใต้โครงการวิจัยคนเมือง4.0:อนาคตชีวิตคนเมืองในประเทศ ไทยกำลังศึกษาหาคำตอบและมองความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ เมืองใหญ่ไม่ไหวจะท้อง ในขณะที่คนอยู่อาศัยในพื้นที่เมืองมากขึ้นเรื่อยๆน่าสนใจว่าคนในเขตเมืองกลับมีอัตราเจริญพันธ์ุน้อยลงมีสถิติบางตัวที่สัมพันธ์กับเรื่องนี้เช่นตัวเลขการหย่าร้างในเขตกรุงเทพมหานครที่เพิ่มสูงขึ้นถึง30%ในรอบสิบปีอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สัมพันธ์กับตัวเลขการเกิดที่น้อยลงไปด้วยหรือแม้แต่เรื่องที่ว่าในเมืองมีคนโสดมากกว่าเขตนอกเมืองเมื่อมองรูปแบบการอยู่อาศัยและการเลี้ยงลูกในปัจจุบัน รศ. ดร.อภิวัฒน์ชี้ให้เห็นว่าอาจส่งผลต่อการตัดสินใจมีลูกด้วย กล่าวคือการที่พ่อแม่ในเมืองปัจจุบันเน้น คุณภาพในการเลี้ยงลูกทำให้ต้องทุ่มเทเวลากับลูกสูงในขณะที่อยู่กันแบบครอบครัวเดี่ยวซึ่งไม่มีปู่ย่าตายายหรือญาติๆที่จะไหว้วานให้ช่วยเลี้ยงดูพ่อแม่จึงตัดสินใจมีบุตรภายใต้ข้อจำกัดที่ตนจะเลี้ยงดูไหวเท่านั้น ส่วนในเมืองหนาแน่นสูงอย่างฮ่องกงความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดที่ลดน้อยถอยลงนั้นสัมพันธ์กับลักษณะเมืองอย่างชัดเจนเพราะฮ่องกงเป็นเมืองที่มีค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยสูงลิบสูงเกินกว่าที่คนในวัย 20-30 ปีที่เพิ่งมีครอบครัวจะลงทุนครอบครองหรือเช่าที่อยู่อาศัยเองได้ผลก็คือคนที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์และกำลังก่อร่าง สร้างครอบครัวจำเป็นต้องอาศัยอยู่กับพ่อแม่ในพื้นที่ที่จำกัดจึงขาดพื้นที่ส่วนตัวหรือพื้นที่ที่จะปฏิสัมพันธ์กันอย่างอิสระ หรือกรณีที่มีบุตรสักหนึ่งคนแล้ว พื้นที่เพียง 20 กว่าตร.ม. ทำให้พ่อแม่หลายรายต้องคิดหนักเมื่อจะมีลูกคนต่อๆ ไป นอกจากเรื่องพื้นที่และรูปแบบการอยู่อาศัยสิ่งแวดล้อมในเมืองอาจมีผลต่อความสามารถในการเจริญพันธุ์ได้เช่นกันกล่าวคือความเครียดหรือมลพิษจากการใช้ชีวิตในเมืองอาจส่งผลต่อจำนวนสเปิร์มและการตกไข่ทำให้โอกาสในการมีบุตรน้อยลงไปอีก ยังไม่รวมถึงสภาพแวดล้อมที่อาจส่งผลไปถึงเรื่องการตัดสินใจมีความสัมพันธ์เชิงสังคม มีเพศสัมพันธ์ และมีครอบครัวอีกด้วย จากอดีตสู่ปัจจุบัน หากมองย้อนกลับไปดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติที่คนวัยประมาณ 60 ในปัจจุบันจะมีพี่น้องมากถึงราว 5-10 คน ในปี 2517 อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีชัย วีระไวทยะ เคยประสบความสำเร็จในการรณรงค์ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อคุมกำเนิดและเพื่อความปลอดภัย ถึงขั้นที่ถุงยางอนามัยได้รับฉายาว่า ‘ถุงมีชัย’ ซึ่งนับได้ว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ลดจำนวนประชากรได้สำเร็จ ทว่ามาถึงวันนี้ ประชากรที่น้อยเกินไปกลับกลายเป็นปัญหา ปัจจัยที่ทำให้เรื่องนี้เปลี่ยนไป ได้แก่ […]

7 เครื่องมือสำรวจเพื่อนผู้อยู่ในเมือง

23/01/2020

“ก่อนจะเข้าใจเมือง เข้าใจมนุษย์ด้วยกันก่อน” คำกล่าวนี้คงไม่เกินจริงไปนักสำหรับมุมมองคนเมืองและพลเมือง ปัจจุบันนี้ มีการศึกษาเมืองเกิดขึ้นมากมาย เพราะเราอยากทำความเข้าใจเมืองให้ลึกซึ้ง แต่ต้องไม่ลืมว่า เมืองกับมนุษย์นั้นใกล้ชิดแนบแน่น ดังนั้น การศึกษาเมือง โดยเนื้อแท้ก็คือการศึกษามนุษย์นั่นเอง ในการร่วม ‘เตียว ส่อง เวียง เจียงใหม่’ กับ ธีรมล บัวงาม จากสำนักสื่อประชาธรรม ซึ่งเป็นนักการสื่อสารที่สนใจเมืองผ่านมิติและรูปแบบการสื่อสาร จึงพาผู้ร่วมเดินทางเข้าสู่ ‘มนุษย์’ ในการร่วม ‘ส่องเวียง’  การจะเข้าใจเมืองทางกายภาพได้ต้องเข้าใจความสัมพันธ์ของผู้คน ความคิด ความเชื่อ โดยมีผู้คนเป็นโจทย์ใหญ่และเป็นสิ่งสำคัญในการทำความเข้าใจความหลากหลายของเมืองของผู้คน   เครื่องมือทั้ง 7 ชนิดในการเก็บข้อมูลเมืองที่ธีรมลได้บอกเล่าไว้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจคนที่อยู่ในเมืองมากขึ้นนั้น มีดังนี้  1. Social Mapping ทำความเข้าใจพื้นที่มากขึ้นทางภูมิสังคม ศึกษาถึงความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ ทั้งทางด้านภูมิศาสตร์ สิ่งแวดล้อม ชีวภาพ วีถีชีวิต ประเพณี ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม 2. ศึกษาพงศาวดารหรือกลุ่มทุนในเมือง ในแต่ละพื้นที่ แต่ละย่าน  3. การจัดองค์กรของกลุ่มคนต่างๆ ในพื้นที่ การทำงานร่วมกันเพื่อศึกษาโครงสร้าง การลำดับความสำคัญ เพื่อให้เข้าใจผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ […]

1 3 4 5 6 7 8