19/02/2020
Public Realm
Viaduc Des Arts และ Promenade Plantée เมืองเปลี่ยนสะพาน สะพานเปลี่ยนเมือง
The Urbanis
ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงสวนยกระดับ (Elevated Park) หลายคนอาจเริ่มคุ้นเคยและนึกออกอยู่หลายที่ อย่างเช่น Manhattan’s Highline สวนสูงใจกลางนิวยอร์ก
แต่หากเจาะจงถึงต้นฉบับของการพัฒนาสวนในพื้นที่ยกระดับ ต้องยกให้ Viaduc Des Arts และ Promenade Plantée ของเมืองปารีสในประเทศฝรั่งเศส ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1993 แถมยังเป็นสวนแรกของโลกที่เกิดจากการปรับปรุงรางรถไฟรกร้างอีกด้วย
แรกเริ่มเดิมทีรางรถไฟที่ตั้งอยู่ในเขตที่ 12 (12th arrondissement) นี้เคยเป็นรางที่เชื่อมรถไฟจากจัตุรัส ปาสเดอลาบาสตีย์ (Place de la Bastille) ในเมืองปารีส สู่ด้านตะวันออกของเมือง รถไฟขบวนนี้รับส่งผู้คนหลายต่อหลายยุค รวมระยะเวลาใช้งานมากว่าร้ายปี แต่แล้วในปี 1969 รางรถไฟนี้ก็เลิกใช้งาน เพราะระบบรถไฟที่พัฒนาใหม่ เปลี่ยนมาใช้เป็นรถ RER ที่วิ่งใต้ดิน ทำให้เส้นทางรถไฟส่วนนี้ได้รับผลกระทบไปด้วย
เมื่อเส้นทางรถไฟเปลี่ยนไป เมืองก็เปลี่ยนแปลง
จากที่ทางรถไฟนั้นเคยเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่เป็นตัวแสดงถึงความรุ่งเรืองในยุคอุตสาหกรรม ความรถกร้าง ผุพัง เริ่มเข้ามาแทนที่เมื่อถูกปล่อยทิ้งร้างมาราวสิบปี
หนึ่งในแผนในการจัดการกับความเสื่อมโทรมนี้คือการกำจัดรางรถไฟที่รกหูรกตานี้ทิ้งไปเสีย
ทว่า City of Paris ก็ผุดอีกไอเดียหนึ่งที่ได้ทำจริงขึ้นมา นั่นคือการเปลี่ยนรางร้างนี้ให้เป็น ด้านบนสวน ด้านล่างศิลป์ กล่าวคือ พัฒนาบริเวณบนรางรถไฟยกระดับและพื้นที่ต่อเนื่องให้เป็นสวนสาธารณะลอยฟ้า ส่วนด้านล่างเป็นพื้นที่ร้านค้า พื้นที่ทำงาน และจัดเวิร์กช็อปสำหรับช่างมากฝีมือ
แม้ในตอนนั้นจะมีคนตั้งคำถามกับการพัฒนาครั้งนี้อยู่ไม่น้อย แต่ปัจจุบันผลจากการปรับปรุงครั้งนั้นก็ยังคงอยู่และมีคุณค่าแม้เวลาจะผ่านมาแล้วกว่า 25 ปี
ด้านบนสวน
สวนบนรางรถไฟที่ว่ามีชื่อเรียกว่า Promenade Plantée (Planted Walkway) หรือ Coulée Verte นั้นมีระยะทางรวมราว 4.5 กิโลเมตร โดยแบ่งเป็นส่วนที่ยกระดับสูงเทียบเท่าตึก 3 ชั้น ยาว 1.5 กิโลเมตร จากนั้นไล่ระดับลงมาและส่วนที่เหลือคือระดับเสมอพื้นดิน สวนนี้มีบรรยากาศที่หลากหลายตลอดเส้นทาง
Promenade Plantée หนาแน่นไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดไม่ว่าจะเป็น ลาเวนเดอร์ ไม้ไผ่ ไม้เลื้อย รวมไปถึง เชอร์รี่ เมเปิ้ล และต้นมะนาว
ถัดจากความเขียวขจีก็มีส่วนเปิดโล่งที่มองเห็นวิวเมืองได้รอบทิศ ส่วนหนึ่งของทางเดินนี้ยังตัดผ่านกลางตึกออฟฟิศสูงและนำไปยังเส้นทางท่ามกลางตึกอพาร์ตเมนต์
ช่วงที่พ้นจากส่วนลอยฟ้ายังมีบางส่วนที่ต้องลอดผ่านอุโมงค์รถไฟด้วย และสวนนี้ไม่ได้ออกแบบมาเฉพาะเพื่อการเดิน แต่มีช่องทางเฉพาะสำหรับนักปั่นด้วยเช่นกัน
Promenade Plantée สร้างแล้วเสร็จในปี 1994 และยังคงกลายเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่ออกกำลังกาย และที่ชมวิวสำหรับทั้งชาวเมืองและนักท่องเที่ยวผู้หวนหาธรรมชาติมาจนถึงทุกวันนี้
ด้านล่างศิลป์
เมื่อปรับปรุงพื้นที่นี้ในช่วงปี 1994-1997 โครงเสาโค้งอิฐแดงอันงดงามที่ทำหน้าที่เป็นฐานรองรับรางรถไฟลอยฟ้ายังคงถูกเก็บรักษาไว้เช่นเดิม เพิ่มเติมคือการติดกระจกแก้วแบ่งห้องเพื่อเป็นพื้นที่ทำงานและแสดงงานศิลปะ โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ คาเฟ่ และร้านอาหาร
ที่แห่งนี้เรียกรวมๆ ว่า Viaduc Des Arts ซึ่งเป็นที่บรรจุช่างฝีมือหลายหลากตั้งแต่นักทำไวโอลีน ช่างเป่าแก้ว ช่างเพชร ช่างตีเหล็ก ช่างทำทอง ไปจนถึงช่างซ่อมพรม
ตลอดระยะเวลาที่ Viaduc Des Arts เปิดต้อนรับผู้คนมา มีข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งต้องยอมรับว่าที่แห่งนี้ไม่ได้ดึงดูดให้คนมาแวะเวียนได้ตามเป้าอยู่ตลอด ช่วงประมาณปี 2012 ก็มีซบเซาลงไปบ้าง แต่ความพยายามในการสรรสร้างสิ่งใหม่ๆ ผสานเข้ากับความสามารถของช่างฝีมือที่ทั้งเก่าและใหม่ ก็ทำให้ปัจจุบันที่แห่งนี้มีสถานะเป็นหนึ่งในศูนย์รวมงานศิลปะชั้นดีของปารีสที่ใครอยากเรียนรู้เกี่ยวกับงานฝีมือต่างๆ ไม่ควรพลาด
พื้นที่ที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตและเมื่อถึงจุดหนึ่งกลับกลายเป็นรกร้างนั้น หากมีการออกแบบ ปรับปรุง เพิ่มแต่งฟังก์ชั่นการใช้งานพร้อมกับการบริหารจัดการที่ดี ก็อาจนำชีวิตกลับมาและสร้างคุณค่าใหม่ให้กับพื้นที่หรือย่านนั้นๆ ได้เช่นกัน