11/06/2023
Public Realm
เมเดยิน: จากเมืองอาชญากรรมสู่เมืองนวัตกรรม
วัฒนพงศ์ จัตุมิตร
ย้อนกลับไปราวช่วงต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1990s เมืองเมเดยิน (Medellin) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดอันเตียวเกีย (Antioquia) ประเทศโคลอมเบีย (Colombia) คือเมืองที่ได้รับการขนานนามจากนิตยสาร Time ว่าเป็น “เมืองที่อันตรายที่สุดในโลก” คำนิยามที่ไม่ค่อยดีนักกลายเป็นคำเรียกแทนชื่อของเมืองเมเดยิน ณ ขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่ก่อการร้าย สงครามกลางเมือง หรือแหล่งค้ายาเสพติดขนาดใหญ่ แต่ในปัจจุบันเมเดยินได้สร้างภาพจำใหม่ให้แก่เมือง บทความฉบับนี้จึงพาทุกท่านไปสำรวจว่า เมืองเมเดยิน มีแนวทางการพัฒนาเมืองอย่างไร ถึงพลิกโฉมจากเมืองอาชญากรรมสู่การกลายเป็นเมืองแห่งนวัตกรรมได้สำเร็จ
รู้จักกับเมเดยินในอดีต
ปัญหาความขัดแย้งมีอยู่มานานแล้วในเมืองเมเดยินตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 สงครามกลางเมืองระหว่างกลุ่มกบฏฝ่ายซ้ายที่นำโดยกลุ่มหลักอย่างกองกำลังปฏิวัติติดอาวุธโคลอมเบีย (FARC) กับกองกำลังกึ่งทหารฝ่ายขวาที่มีรัฐบาลสนับสนุน นอกจากนี้ เมเดยินในเวลานั้นยังมีขบวนการค้ายาเสพติดภายใต้การควบคุมของ นายพาโบล เอสโคบาร์ (Pablo Escobar) ผู้ซึ่งเป็นชายที่ได้รับฉายาว่า “ราชาแห่งยาเสพติด”
บรรยากาศภายในเมืองอบอวลไปด้วยความกลัว ความกังวล และความกดดัน ไม่มีพื้นที่ไหนในเมเดยินที่รู้สึกปลอดภัยสำหรับประชาชนในเวลานั้น เสียงปืน เขม่าควัน และการฆาตกรรมเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนกลายเป็นเรื่องพบเห็นจนชินตา โดยตั้งแต่ปีค.ศ. 1991 เป็นต้นมา เมืองเมเดยินมีอัตราการฆาตกรรมในเมืองสูงถึง 381 ศพ ต่อประชากรจำนวน 100,000 คนต่อปี หรือมีมากกว่า 500 ศพ ต่อ 1 เดือน ประกอบกับการที่เมเดยินเป็นแหล่งของธุรกิจค้ายาเสพติดขนาดใหญ่ ทุกซอกทุกมุมในเมืองมีแหล่งมั่วสุม และค้าขายกันอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะโคเคน (Cocaine) ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของเมือง ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมาจึงกลายเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเมืองเมเดยินจึงกลายเป็นเมืองที่อันตรายที่สุดในโลก (อรทัย ก๊กผล, 2559)
ที่มา: https://eyesoncolombia.wordpress.com/2014/10/29/medellin-in-the-1990s/
จุดเปลี่ยนผันที่พลิกชะตาของเมือง
ที่มา: Photo by Andrés Gómez on Unsplash
ความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่เกิดขึ้นในเมืองเมเดยินค่อยๆ สะสมและแผ่ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจุดริเริ่มสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นมาจากการส่งเสริมการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นผ่านการเปลี่ยนแปลงกติกาการเลือกตั้ง ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980s , การเสื่อมสลายของกลุ่มอิทธิพลอย่าง การเสียชีวิตของนายพาโบล เอสโคบาร์ ในปีค.ศ. 1993 และการที่กลุ่มฝ่ายซ้ายอย่าง FARC อ่อนกำลังลง เหตุการณ์ทั้งสามมีผลโดยตรงต่อเสถียรภาพของรัฐบาลที่มีความมั่นคงมากขึ้น ถึงแม้ว่าความรุนแรงในเมืองเมเดยินจะยังคงปรากฏอยู่ แต่การที่รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น ส่งผลให้ขอบเขตความเสียหายลดลง ทั้งนี้ก็เพราะว่ากลุ่มแก็งต่างๆ มีขนาดที่เล็กลง โดยสิ่งนี้เองที่ทำให้รัฐบาลกล้าตัดสินใจที่จะลงทุนไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเมืองที่กำลังจะกลายเป็นอดีตแหล่งอาชญากรรมแห่งนี้ (เชาวฤทธิ์ เชาว์แสงรัตน์, 2565)
เส้นทางสู่เมืองใหม่
รากฐานสำคัญที่ช่วยปูทางให้แก่เมืองเมเดยินนั้นอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 2004-2007 ภายใต้การนำของนายอัลวาโร อูริเบ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ณ ขณะนั้น ที่คอยแก้ไขปัญหาสงครามกลางเมืองของประเทศ และสานต่อโดยนายกเทศมนตรีเมืองเมเดยิน นายเซอร์จิโอ ฟาจาร์โด ที่มุ่งเน้นในการขจัดความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้น อันเป็นบ่อเกิดของความขัดแย้งที่ปกคลุมเมืองเมเดยินมาหลายทศวรรษ ด้วยการลงทุนไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ระบบขนส่งมวลชน การฟื้นฟูพื้นที่สาธารณะ การพัฒนาพื้นที่สีเขียว และรวมไปถึงการลงทุนพัฒนาด้านการศึกษา พร้อมด้วยเป้าหมายชัดเจนคือการพาเมเดยินไปสู่การเป็นเมืองแห่งนวัตกรรม (อรทัย ก๊กผล, 2559) และนี่คือตัวอย่างผลงานที่แสดงออกถึงความมุ่งมั่นเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี
ที่มา: https://es.wikipedia.org/wiki/Metrocable_de_Medell%C3%ADn
เมโทรเคเบิล (Metrocable) ที่เปิดให้บริการในปีค.ศ. 2004 เชื่อมต่อจากสถานีรถไฟฟ้ากลางเมืองไปสู่ตำบลโคมูนา (Comuna) ซึ่งเป็นตำบลที่ไกลที่สุดของเมืองเมเดยิน คือขนส่งสาธารณะที่เป็นภาพจำของเมืองเมเดยินเลยก็ว่าได้ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศมีลักษณะเป็นภูเขาสูงชัน และระยะทางที่ห่างไกล เมโทรเคเบิลจึงเป็นตัวเลือกที่เข้ากันได้ดีกับเมืองเมเดยิน ที่ช่วยให้เกิดการกระจายความเจริญจากเมืองออกไปสู่พื้นที่ห่างไกล และช่วยให้ประชาชนสามารถเดินทางไป-กลับภายในเมืองได้สะดวก และรวดเร็วมากขึ้น
ที่มา : https://www.theguardian.com/world/gallery/2013/jul/31/outdoor-escalator-medellin-colombia-pictures
สิ่งก่อสร้างที่พาดกลางระหว่างชุมชนโคมูนา (Comuna) หลังคาโปร่งใสตัดด้วยขอบสีส้มสด คือ บันไดเลื่อนกลางแจ้ง มีความยาว 384 เมตร ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 2008-2011 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่รัฐกล้าลงทุนในชุมชนที่ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่อันตรายที่สุดในเมเดยิน การมีบันไดเลื่อนกลางแจ้งช่วยให้ประชาชนสามารถเดินทางขึ้น-ลงในชุมชนซึ่งเป็นเนินเขาสูงเทียบเท่าตึก 28 ชั้น ได้ภายใน 10 นาที จากเดิมที่ต้องใช้การเดินเท้าซึ่งใช้เวลาอยู่ที่ 35 นาที การมีบันไดเลื่อนช่วยลดอาชญากรรมที่เกิดขึ้นตามมุมถนน และยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในชุมชน
ที่มา: https://en.casacol.co/2022/05/02/parque-explora-medellin/
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Parque Explora) เป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการศึกษาที่จะมุ่งพาเมเดยินสู่การเป็นเมืองแห่งนวัตกรรม ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็นสามส่วนหลักคือ ท้องฟ้าจำลอง (Planetarium) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Aquarium) และ สวนจำลองธรรมชาติ (Vivarium) ผสานกับการเปิดพื้นที่สาธารณะโดยรอบอาคาร นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการอีกมากมาย อาทิ ห้องดนตรี ห้องแห่งความคิด ห้องสื่อวิดีทัศน์ ห้องกาลเวลา และห้องเด็กเล่น เป็นต้น (Jessica, n.d.)
ที่มา: https://www.expedia.co.in/Medellin.dx2246
ห้องสมุดกึ่งสวนสาธารณะ (Parque Biblioteca Espana) อาคารสีดำขนาดใหญ่โดดเด่นด้วยการออกแบบทางสถาปัตยกรรมบนเนินเขาแห่งนี้ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นแหล่งค้ายาเสพติดคือ พื้นที่นั่งอ่านหนังสือสำหรับประชาชนที่รายล้อมด้วยพืชพันธุ์นานาชนิด
ที่มา: https://www.theguardian.com/travel/2017/sep/20/botanical-gardens-medellin-city-colombia-orchids
สวนพฤกษชาติ (Jardin Botanico de Medellin) ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวขนาด 14 เฮกเตอร์ จัดได้ว่าเป็นเสมือนปอดของเมืองเมเดยิน ที่มีการออกแบบสวนให้อยู่ภายใต้หลังคาระแนงรูปทรงคล้ายรวงผึ้ง ที่นอกจากดูสวยงามแล้วยังมีฟังก์ชั่นในการเป็นร่มเงาให้ทั้งพืชและคน รวมไปถึงการกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้สำหรับการรดน้ำต้นไม้
เมเดยิน เมืองแห่งนวัตกรรม
ความพยายามมาหลายสิบปีในการเปลี่ยนโฉมให้กับเมืองเมเดยินกลายเป็นที่ยอมรับจากทั้งโลก หลังจากในปี ค.ศ. 2013 “เมืองเมเดยิน” ได้รับการประกาศจาก The Wall Street Journal and Citi ให้เป็นผู้ชนะจากการโหวตรางวัลเมืองแห่งปี (City of the year) และ Urban Land Institute ที่ยกย่องให้เมเดยินกลายเป็น “เมืองแห่งนวัตกรรมระดับโลก” (Riggs et al., 2013) และจากการสำรวจความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจพบว่า ในเมืองเมเดยิน ประชากรมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 อัตราการว่างงานลดลงเหลือร้อยละ 12 และมูลค่าการลงทุนด้านธุรกิจและการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ อัตราโรงเรียนและสถานศึกษาที่มีผลงานต่ำกว่ามาตรฐานลดลงจากร้อยละ 50 เหลือเพียงร้อยละ 14 ซึ่งทั้งหมดเป็นข้อมูลเชิงสถิติที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าของเมเดยินได้เป็นอย่างดี (อรทัย ก๊กผล, 2559)
แม้ว่าในปัจจุบัน ความเหลื่อมล้ำ หรืออาชญากรรม ในเมเดยินจะยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง แต่เมืองแห่งนี้คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเมือง และความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเมือง ความสำเร็จของเมืองที่เคยเป็นแหล่งอาชญากรรมสู่เมืองแห่งนวัตกรรม เมเดยินพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหนทางมันไม่ได้ง่าย แต่ขอเพียงได้การเริ่มต้นที่จะลงมือลงแรงร่วมกันผลักดัน ผลลัพธ์ที่ออกมามันคุ้มค่ากับความพยายามอย่างแน่นอน ดังเช่นคำกล่าวของเฟเดอริโก กูเตียร์เรซ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเมเดยิน (Henríquez, 2020) ที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า..
“ บางคนกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ว่าเป็น ปาฏิหาริย์เมเดยิน แต่มันไม่ใช่ปาฏิหาริย์เสียหน่อย มันคือ สิ่งที่สะท้อนออกมาจากการทำงานหนักมาหลายปีต่างหากล่ะ ”
สิ่งสำคัญที่เราได้เรียนรู้จากเมืองเมเดยิน คือความพยายาม ความมุ่งมั่น และความกล้าหาญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่เมือง แม้ว่าปัญหาที่พัวพันอยู่ตรงหน้าจะเป็นดั่งปมใหญ่ที่ผูกแน่นเกินกว่าจะคลายได้หมด แต่ถึงอย่างนั้น เมเดยิน ก็ยังคงมองหาโอกาส และวิถีทางที่จะช่วยให้เมืองดีขึ้นอยู่เสมอ ผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญที่พวกเราเหล่าคนในเมืองควรที่จะยึดถือไว้เป็นแนวทางในการนำมาพัฒนาเมืองของพวกเราเอง
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสื่อเสริมสร้างความเป็นพลเมืองไทย: การใช้สื่อและการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการเรียนรู้สิทธิและหน้าที่ของความเป็นพลเมืองเพื่อขับเคลื่อนเมืองน่าอยู่ในประเทศไทย โดยศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC-CEUS) ในการสนับสนุนของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
ที่มาข้อมูล
100 ปีของสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงในโคลอมเบีย
Urbanization เมื่อ เมือง กลายเป็นโจทย์ของการบริหารจัดการท้องถิ่นสมัยใหม่
Everything You Need to Know About Parque Explora
Which Cities Are the World’s Most Innovative?