15/09/2025
Environment

เมือง-ชนบท และความหลากหลายของชีววิถี BIOTHAI

The Urbanis
 


เมืองไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร และเมืองไม่สามารถอยู่ได้ถ้าขาดภาคเกษตรกรรมเป็นผู้ผลิตอาหาร การทำเกษตรจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เมืองสามารถพึ่งพาตนเองได้

จากบทความครั้งที่แล้วที่พาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับจริงใจมาร์เก็ตเป็นโครงการที่มุ่งเน้นการพัฒนาเกษตรกรท้องถิ่น สร้างมาตรฐานสินค้าที่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค และผลักดันแนวทางการเกษตรที่ยั่งยืน จากลุ่มเซ็นทรัล ผู้ให้ความสำคัญกับการสร้างชุมชนของเกษตรกรและผู้บริโภค และการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

ครั้งนี้ The Urbanis พาไปพูดคุยกับคุณวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ จากมูลนิธิชีววิถี หรือ BIOTHAI เครือข่ายของกลุ่มบุคคล ที่ทำงานเกี่ยวกับประเด็นความหลากหลายทางชีวภาพ และ ภูมิปัญญา ท้องถิ่นในประเทศไทย

มูลนิธิชีววิถี หรือ BIOTHAI

มูลนิธิชีววิถี หรือ BIOTHAI ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2538 โดยเริ่มต้นจากประเด็นความหลากหลายทางชีวภาพ ต่อมาจึงขยายเรื่องของเกษตรเชิงนิเวศ หลังปี 2551 เกิดวิกฤตอาหารระดับทั่วโลก ไบโอไทยจึงขยายงานในด้านความมั่นคงทางอาหาร การทำงานในช่วงแรกเน้นการพูดถึงชุมชนในชนบท ทำงานกับชาวนา กลุ่มชุมชนท้องถิ่นในทุกระดับของประเทศ หลังจากปี 2551 เป็นต้น Biothai เริ่มให้ความสำคัญกับชุมชนเมืองมากขึ้น และปัจจุบันได้เชื่อมโยงกับเครือข่ายที่ทำงานกับเด็ก เยาวชน หรือชุมชนในเมือง เช่น มูลนิธิไชยก้าวไกลก็ทำงานกับหลายชุมชนในเขตเมือง ปริมณฑล รวมถึงทำงานกับมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว

พื้นที่กรุงเทพมหานครที่สามารถทำเกษตรได้ 

กรุงเทพฯ ยังมีพื้นที่ศักยภาพอีกมากที่สามารถพัฒนาให้เกิดประโยชน์ คุณวิฑูรย์ ให้สัมภาษณ์ว่า พื้นที่ในกรุงเทพมหานครที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ หรือพยายามที่จะเข้าไปใช้ประโยชน์ เช่น กรมธนารักษ์ การรถไฟ หรือพื้นที่ของเอกชน ซึ่งที่ดินเหล่านี้ที่ยังไม่ถูกใช้ประโยชน์จำเป็นต้องมีกฎหมาย และนโยบายที่ดินในระหว่างไม่มีการใช้งาน ที่ดินไม่ควรปล่อยรกร้าง และไม่ควรถูกใช้ประโยชน์ในการปลูกมะนาว การปลูกกล้วยเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียภาษี จัดให้มีการมาใช้ประโยชน์ที่ดิน หรือคิดค่าเช่าในราคาถูก แต่การทำจะต้องเป็นฉันทามติของทุกคน ทั้งเจ้าของที่ดินเอง ทั้งชาวบ้าน รัฐบาล และกทม.

เกษตร เมือง ชนบท อาหาร

เมืองไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร และเมืองไม่สามารถอยู่ได้ถ้าขาดภาคเกษตรกรรมเป็นผู้ผลิตอาหาร คุณวิฑูรย์จึงมองความสัมพันธ์ของเรื่องนี้เป็น 2 แบบ โดยแบบที่ 1 เมืองต้องมีการสร้างพื้นที่อาหารของตัวเองขึ้น เพื่อให้เมืองสามารถลดการพึ่งพาอาหารจากภายนอก อาหารในเมืองประมาณครึ่งนึงมาจากชุมชนรอบ ๆ เมือง ไม่ห่างไปจากเมืองมาก แหล่งผลิตทางการเกษตรจะอยู่ไม่ไกลมากนัก ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์มาจากพื้นที่ใกล้เมือง และกรุงเทพฯ เป็นเมืองพื้นที่เกษตรกรรมมาก่อน เพราะฉะนั้นจึงเป็นพื้นที่ผลิตอาหารสำคัญโดยเฉพาะผัก และผลไม้เมืองร้อน เป็นแหล่งพันธุกรรม พัฒนาสายพันธุ์ทั้งหลาย ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่นี่ เป็นแหล่งเป็นศูนย์รวม

แบบที่ 2 เมืองต้องให้ความสำคัญกับพื้นที่การผลิตในชนบท แต่เมืองไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนการนำเข้าอาหารทั้งหมด เมืองต้องมีระบบความสัมพันธ์ชนบท ความสัมพันธ์นั้นบอกได้หลายมุม คือ ต้องเกื้อกูลกัน เพราะความสัมพันธ์เกื้อกูล สนับสนุนกันและกัน และบางอย่างที่เมืองทำไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องผลิตเอง โดยหลักการก็คือว่าความรับผิดชอบกันและกัน ปัจจุบันเราไม่รู้ว่าอาหารมาจากไหน เราไม่รู้ว่ามาจากการปลูกแบบไหน ไม่รู้ว่าเรากินอะไรลงไป แล้วก็ความหลากหลายในอาหารก็น้อยลง แล้วก็สิ่งนี้ก็ทำให้เกิดปัญหาในชนบท ความเสื่อมโทรมของความหลากหลายทางชีวภาพ

ไบโอไทยแผนขับเคลื่อนเกี่ยวกับเกษตรในเมือง

คุณวิฑูรย์ ให้สัมภาษณ์ถึงแผนขับเคลื่อนที่เกี่ยวข้องกับการทำเกษตรใบเมืองของไบโอไทยไว้ทั้งหมด 3 ส่วน คือ

ส่วนที่ 1 ได้มีการพูดคุยกับท่านผู้ว่าฯ กทม. เรื่องของมิติสังคม ไบโอมีเครือข่ายประมาณ 30 ชุมชนมาทำงานด้วยกัน ตอนนี้ได้พูดคุยบางชุมชน ส่วนเรื่องพื้นที่อาหารของเมือง การทำตลาดในเมือง การทำการผลิตจะปรึกษากับผู้ว่าฯ กทม. อีกครั้ง อาจต้องคิดเรื่องเกษตรยั่งยืนด้วย ไบโอไทยมีเครือข่ายที่เป็นชุมชนประมาณ 300 แห่งทั่วประเทศที่ไม่มีความมั่นคงด้านอาหาร แต่ทางมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน มีกลุ่มศูนย์ฝึกอบรมส่งเสริมเรื่องเกษตรในเมืองต้องทำไปด้วยกัน เนื่องจากต้องอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วม

ส่วนที่ 2 ไบโอไทยต้องการผลักดันประเด็นเรื่องความมั่นคงด้านอาหารสู่นโยบาย เพื่อสนับสนุนให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงแหล่งอาหารที่ปลอดภัย มีคุณภาพ ถูกโภชนาการ และโดยไม่มีใครต้องเผชิญกับความหิวโหย ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือชนบท

ส่วนที่ 3 โรงเรียนอธิปไตยทางอาหาร ซึ่งทำมาแล้ว 2 รุ่น มีการสรุป และปรับหลักสูตร ตอนนี้คิดแผนเป็นเรื่องของการสนับสนุนความหลากหลายของเมือง เช่น การเพาะเห็ด แต่ไม่ใช่การเพาะเห็ดทั่วไป โดยจะฟื้นเห็ดท้องถิ่นขึ้นมาและนำมาขยายให้คนในเมืองคนทั่วไป

“เพราะหัวใจหลักของไบโอไทย คือ เรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ เกษตรกรรมเชิงนิเวศ และความมั่นคงด้านอาหาร”

ไบโอไทยมุ่งมั่นผลักดันเกษตรในเมืองให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบอาหารที่ยั่งยืน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ตั้งแต่ชุมชน ภาคเอกชน ไปจนถึงภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ทั้งยังเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเมืองและชนบทให้เกื้อกูลกัน ผ่านการสนับสนุนพื้นที่เกษตร การพัฒนาองค์ความรู้ และการผลักดันนโยบายที่เป็นธรรม หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน เกษตรในเมืองจะสามารถเติบโตและมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับสังคม

ท้ายที่สุดนี้ เมืองกับชนบทจึงมีบทบาทสัมพันธ์กัน และจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกัน โดยเฉพาะในด้านความมั่นคงทางอาหาร เมืองไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีเกษตรกรรมเป็นผู้ผลิตอาหาร ขณะเดียวกัน เมืองก็ควรสร้างพื้นที่อาหารของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาภายนอกและสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพ


Contributor