12/09/2025
Environment

มหานครและเกษตรกรรม กับความเป็นไปได้ที่ต้องออกแบบร่วมกัน

The Urbanis
 


เมืองในนิยามของทุกคนเป็นแบบไหน? เมืองสีเขียว เมืองที่เทคโนโลยีก้าวหน้า หรือเมืองที่มีทั้งสองอย่างรวมอยู่ด้วยกัน และอะไรช่วยให้เมืองในแบบที่เรานิยามเป็นจริง? เริ่มจากตัวเราเอง การส่งเสริมนโยบายและการจัดการที่ดีจากภาครัฐ หรือทุกอย่างต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกันจึงจะสำเร็จ

จากบทความที่แล้ว ผู้อ่านคงได้รู้จักกับ “ครูองุ่น มาลิก” ผู้ให้ของสังคมที่มีจุดเริ่มต้นจากความชอบในการทำงานด้านสังคม จนนำไปสู่การเปิดพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนได้เข้าไปใช้บริการโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน 

บทความนี้ The Urbanis จะพาทุกคนไปพูดคุยกับ รศ.ดร.อลิศรา มีนะกนิษฐ อาจารย์ประจำคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถึงนิยามของคำว่า “เกษตรในเมือง” และสถานการณ์ปัจจุบันของการทำเกษตรในกรุงเทพมหานคร

เกษตรในเมืองคืออะไร?

เริ่มต้นจากคำว่า “เกษตรกรรม” ซึ่งหมายถึงกระบวนการผลิตที่ไม่ใช่แค่การเพาะปลูก หรือเลี้ยงสัตว์เพื่อผลิตอาหาร แต่ยังครอบคลุมไปถึงการจัดให้ได้มาซึ่งทรัพยากรสำหรับกระบวนการผลิต ตลอดจนกระบวนการหลังการผลิต ซึ่งรวมถึงการบรรจุภัณฑ์ การเก็บรักษา และการกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภค โดยอาจารย์อลิศราชี้ให้เห็นว่า เกษตรกรรมนั้นเกี่ยวข้องกับอุปทานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกว้างและความซับซ้อนของเกษตรในเมืองที่ไม่ใช่แค่การปลูกพืชในพื้นที่เมือง แต่ยังเกี่ยวข้องไปถึงอาชีพและระบบอาหารโดยรวมด้วย

ส่วนคำว่า “เมือง” เป็นแนวคิดที่สามารถนิยามได้อย่างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับมุมมองและความเหมาะสมของการนำไปใช้ ซึ่งอาจนิยามด้วยขอบเขตการปกครอง โดยอาศัยการกำหนดพื้นที่จากหน่วยงานรัฐ ในขณะที่บางแนวคิดมองเมืองจากความหนาแน่นของประชากร หากพื้นที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ย่อมมีลักษณะของความเป็นเมืองมากกว่าพื้นที่ชนบท หรือเลือกนิยามด้วยความหนาแน่นของสิ่งปลูกสร้าง สำหรับเมืองที่มีอาคารสูง โครงสร้างพื้นฐานซับซ้อน และการใช้พื้นที่อย่างหนาแน่น มักถูกนิยามว่าเป็นเมืองมากกว่าพื้นที่ที่มีอาคารกระจัดกระจาย 

จากนิยามอันหลากหลายของ “เกษตรในเมือง” ส่งผลให้การศึกษาเกี่ยวกับเกษตรในเมืองจำเป็นต้องมีการกำหนดขอบเขตและนิยามที่ชัดเจน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของพื้นที่ใช้ทำเกษตร ลักษณะของเกษตรกร ประเภทของพืชที่ใช้ปลูก รวมถึงขั้นตอนการผลิตและกระบวนการบรรจุภัณฑ์ (Packaging) นอกจากนี้ การบูรณาการเรื่องการบริหารจัดการขยะเข้ากับการทำเกษตร โดยส่งเสริมการจัดการขยะให้กลับมาเป็นทรัพยากรการผลิตได้ เช่น ขยะจากเศษอาหาร หรือใบไม้ใบหญ้า ถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะจะส่งผลให้เกิด zero waste จากการรีไซเคิลของเสียที่ช่วยให้ทรัพยากรถูกนำกลับมาใช้ซ้ำอย่างยั่งยืน

ปัจจุบันเกษตรใน “กรุงเทพมหานคร” เป็นอย่างไร?

เกษตรในเมืองเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมการขยายตัวของเมืองและรักษาสมดุลระหว่างพื้นที่สีเขียวกับพื้นที่พัฒนา ปัจจุบันพื้นที่เกษตรในกรุงเทพฯ กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง จากนโยบายการพัฒนาเมืองที่เน้นการขยายเขตเมืองไปยังพื้นที่รอบนอก จนทำให้พื้นที่เกษตรที่เคยเป็น “เขตกันชน (Buffer zone)” ถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม ผังเมืองที่เคยกำหนดให้บางพื้นที่เป็นสีเขียวเพื่อรองรับเกษตรกรรมได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเพื่อรองรับการก่อสร้าง ส่งผลให้เกษตรกรจำนวนมากต้องสูญเสียแหล่งทำกินและไม่มีพื้นที่รองรับสำหรับการทำเกษตรในเมือง

ใครคือ “เกษตรกร” ในเมือง?

นอกจากนิยามของเกษตรในเมืองที่มีความหลากหลายแล้ว นิยามของเกษตรกรที่ทำเกษตรในกรุงเทพฯ ก็มีความหลากหลายเช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับวัยและจุดประสงค์ของการทำเกษตร โดยอาจารย์อลิศราได้แบ่งเกษตรกรออกเป็นสองกลุ่มหลัก กลุ่มแรก คือ “เกษตรกรตัวจริง” ผู้ทำเกษตรเป็นอาชีพหลัก คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อาศัยการเช่าที่ดินทำกิน ซึ่งพื้นที่เช่าอาจมีขนาดตั้งแต่หนึ่งไร่ไปจนถึงหลายสิบไร่ ปัญหาสำคัญของกลุ่มนี้ คือ การขาดความมั่นคงในการทำกิน เพราะขาดนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐและไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง เนื่องจากกระทรวงเกษตรฯ มุ่งเน้นนโยบายในระดับประเทศมากกว่าการดูแลเกษตรกรในเมือง ทำให้เกษตรกรกลุ่มนี้ถูกทอดทิ้ง

อีกทั้งเมื่อเจ้าของที่ดินตัดสินใจขายที่ดินเพื่อการพัฒนา เกษตรกรก็ไม่มีอำนาจต่อรองและจำเป็นต้องย้ายออกไปหาที่ทำกินใหม่อย่างเลี่ยงไม่ได้ กลุ่มที่สอง คือ “เกษตรกรรายย่อย” ผู้ทำเกษตรเพื่อบริโภคเองหรือเป็นอาชีพเสริม กลุ่มนี้แบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุที่ทำเกษตรมานานแต่ขาดเทคโนโลยีและไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพได้ กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้และสามารถใช้เทคโนโลยีในการทำเกษตร จึงมักทำเกษตรในพื้นที่จำกัด เช่น ดาดฟ้า บริเวณบ้าน หรือในชุมชน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มชุมชนเปราะบางที่หันมาปลูกพืชผักเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งเกษตรกรรายย่อยเหล่านี้ต่างก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเท่าที่ควรเช่นเดียวกัน รวมถึงการรวมกลุ่มเพื่อสร้างอำนาจต่อรองยังมีน้อย

การส่งเสริมการทำเกษตรในกรุงเทพฯ จำเป็นต้องมีแนวทางที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกรแต่ละกลุ่ม ทั้งเกษตรกรตัวจริงที่ต้องการความมั่นคงในการทำกินและการสนับสนุนจากภาครัฐ ตลอดจนเกษตรกรรายย่อยที่ต้องการโอกาสและการรวมกลุ่มเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง การพัฒนานโยบายเกษตรในเมืองจึงไม่ควรมองข้ามความแตกต่างของเกษตรกรแต่ละประเภท แต่ควรเป็นการส่งเสริมที่ยั่งยืนและตอบโจทย์ถึงปัญหา

ความท้าทายของการทำเกษตรในกรุงเทพมหานคร

“กรุงเทพฯ ยังคงขาดนโยบายและผู้ดูแลหลักในการบริหารจัดการการทำเกษตรในพื้นที่”

ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องเกษตรในเมืองเป็นเจ้าหน้าที่จากกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งมีจำนวนน้อยและต้องรับผิดชอบหลายเขต ส่งผลให้ไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการปัญหาอย่างแท้จริง เมื่อเกิดปัญหา เช่น การปล่อยน้ำเสียจากหมู่บ้านจัดสรรที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ก็ไม่มีหน่วยงานใดสามารถเข้าไปจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเกษตรในเมืองยังมีหลายหน่วยงาน จนทำให้การประสานงานและการช่วยเหลือเป็นไปได้ยาก  เพราะไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับหน้าที่และขอบเขตความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน

เกษตรในเมืองจะไปต่อได้ หากเกษตรกรได้รับการสนับสนุน?

การกำหนดนโยบายอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเกษตรในเมือง การบูรณาการเกษตรในเมืองเข้ากับนโยบายด้านผังเมืองของกรุงเทพฯ การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม การจัดตั้งหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงเพื่อดูแลเกษตรกรในเมือง รวมถึงการสนับสนุนให้มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรในเมืองเพื่อให้สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์และการสนับสนุนจากภาครัฐ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ การส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างอำนาจต่อรองก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่สามารถช่วยให้เกษตรกรมีความมั่นคงมากขึ้นในการประกอบอาชีพ และสามารถรักษาพื้นที่เกษตรในเมืองให้ยังคงอยู่ได้ในระยะยาว ซึ่งจะช่วยรักษาพื้นที่สีเขียวไว้เป็นส่วนหนึ่งของเมือง รวมถึงช่วยสร้างระบบอาหารให้กับประชาชนอย่างยั่งยืนด้วย 

อย่างไรก็ตาม เกษตรในเมืองจะสำเร็จได้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน และการจัดการที่เป็นรูปธรรมในการส่งเสริมและแก้ไขปัญหา ไม่เพียงแค่จากหน่วยงานภาครัฐ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนและภาคประชาชนในการผลักดันให้พื้นที่เกษตรในเมืองสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืนและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคม

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาพื้นที่สุขภาวะด้วยแนวคิดเกษตรในเมือง: กลไกบูรณาการเชิงนโยบายเพื่อสร้างพื้นที่สุขภาวะ และพื้นที่ส่งเสริมความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหารของกรุงเทพมหานคร ดำเนินการโดยศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (UDDC-CEUS) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)


Contributor