18/09/2020
Life

สภากาแฟกลางย่านกะดีจีน-คลองสาน ที่อยากสะท้อนภาพย่านเก่าผ่านพลังคนรุ่นใหม่ รูท-ฐานพงศ์ จิตปัญโญยศ

อรุณวตรี รัตนธารี
 


            ภายใต้บรรยากาศขรึมขลังของย่านเก่าอย่างกะดีจีน-คลองสาน ด้วยตึกเก่าและวัดวาอารามอายุร่วมศตวรรษ ยังไม่นับคนเก่าคนแก่ที่แทรกตัวอาศัยอยู่ในย่านจนกลายเป็นเหมือนหนังสือประวัติศาสตร์มีชีวิต และก็ด้วยบรรยากาศเช่นนี้เอง ที่ทำให้หลายคนนึกไม่ถึงว่าจะมีพลังงานของคนรุ่นใหม่แทรกตัวสร้างความเปลี่ยนแปลงอันน่าสนใจให้ค่อยๆ เกิดขึ้นในละแวกนี้

            ทว่ามุมเล็กๆ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสำนักงานเขตคลองสาน ยังมีร้านกาแฟขนาดกะทัดรัดซ่อนตัวเปิดรอรับมิตรภาพอยู่อย่างกลมกลืน ‘Deep Root Cafe’ คือร้านดังกล่าว ชื่อซึ่งสะท้อนถึงตัวศิลปินหนุ่มผู้ก่อตั้ง รูท-ฐานพงศ์ จิตปัญโญยศ และหมายรวมถึงรากเหง้าของชาวธนบุรี ที่หยั่งลึกลงในย่านเก่าแห่งนี้มาแสนนาน

(1)

            บ่ายวันแดดร่มลมตก เราจึงถือโอกาสเข้ามาสัมผัสกับเรื่องราวของรูทพร้อมคำถามที่เก็บไว้ในใจ ว่าทำไมคนรุ่นใหม่วัยสามสิบต้นๆ จึงตัดสินใจพาตัวเองและครอบครัวย้ายมาลงหลักปักฐานในย่านกะดีจีน-คลองสาน มานานหลายปี แม้บางคนจะสะกิดเตือนเขาว่าบริเวณนี้อาจไม่ใช่ทำเลทองสำหรับทำธุรกิจสักเท่าไหร่ หากประเมินจากความง่ายในการสัญจร

            “ถ้าถามว่าทำไม ก็ต้องบอกว่ามันเกิดจากความชอบตั้งแต่เด็ก เพราะเราเคยใช้ชีวิตอยู่ริมแม่น้ำ ก็จะมีภาพความประทับใจในวิถีชีวิต ในบรรยากาศอะไรต่างๆ ฝังอยู่ในใจ พอโตขึ้นและเริ่มมองหาบ้าน โจทย์แรกๆ ที่คิดคืออยากมีบ้านริมแม่น้ำ ที่บรรยากาศสงบเงียบพอให้เราได้พักผ่อน แต่ด้วยอาชีพที่ต้องเดินทางเข้าไปทำงานกลางเมืองทุกวัน โจทย์นี้เลยไม่ง่ายเท่าไหร่”

            เขาเล่าเรื่อยๆ ระหว่างชงกาแฟแก้วแรกของวันส่งให้เราจิบ ก่อนขยายความว่าในระยะแรกของการมองหาบ้านนั้น ย่านเก่าของกรุงเทพฯคือบริเวณแรกๆ ที่เขาหมายตา ด้วยช่วงชีวิตหนึ่งเคยใช้เวลาอยู่ในย่านการค้าอย่างเยาวราช และเกิดความรักในบรรยากาศแบบ ‘คนบ้านใกล้เรือนเคียง’ มาจนวันนี้

            “เราว่าบรรยากาศของย่านเก่ามันเป็นเสน่ห์ที่เกิดจากความจริง วิถีชีวิตจริงๆ ของผู้คนที่สั่งสมผ่านกาลเวลา เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เข้ามาสัมผัสย่านกะดีจีน-คลองสาน ได้คุยกับคุณป้าที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด และเห็นการเปลี่ยนผ่านของสิ่งละอันพันละน้อยภายในย่าน จนเกิดเรื่องเล่าผ่านจากมุมมองเฉพาะตัวของคุณป้าเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันอบอุ่นมากนะ เป็นคุณค่าที่ต้องแลกมาด้วยการใช้เวลาร่วมกันในพื้นที่ๆ หนึ่ง” เขาย้ำ

            หลังตระเวนหาอยู่พักใหญ่ รูทก็ตกลงปลงใจกับพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับวัดทองธรรมชาติ กลางย่านคลองสาน และเริ่มใช้ชีวิตเป็นชาวย่านมาตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน กระทั่งวันเวลาพาเขามารู้จักกับบริเวณหน้าโรงสีข้าวเก่าอายุร้อยกว่าปี ใกล้กับสำนักงานเขตคลองสาน บริเวณที่ทำให้เขาประทับใจตั้งแต่แรกพบ “จนวันนึงเราปั่นจักรยานมาเจอที่ตรงนี้ และรู้สึกอยากทำอะไรสักอย่างต่อยอดจากบรรยากาศที่มันดีอยู่แล้ว ก็รอแล้วรอเล่าจนสถานที่ตรงนี้ปล่อยเช่า เราก็คิดว่าเอาล่ะ เปิดร้านกาแฟดีกว่า”

            เขาเล่ายิ้มๆ ก่อนขยายความถึงเรื่องราวประทับใจว่าเกิดขึ้นจากบทสนทนากับชาวย่าน ที่ทำให้เขารู้ว่าบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เรากำลังนั่งคุยกันอยู่นี้เคยเป็นโรงสีข้าวเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 บวกกับสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่อายุไม่น้อยไปกว่ากัน ซึ่งคุณป้าเจ้าของร้านขายของชำที่อยู่ถัดไปเพียงไม่กี่สิบก้าวเล่าว่า กำแพงอิฐเก่าคร่ำคร่าที่ปรากฏใต้ต้นไม้นั้น เดิมเป็นโรงอาบน้ำเก่าแก่ของผู้คนในย่านคลองสาน

(2)

            “ด้วยความที่เคยเป็นนักออกแบบ และอาชีพที่เรายังคงทำคู่กันกับการเปิดร้านกาแฟในวันนี้คือการเป็นนักแสดง เราเลยมีไอเดียที่ค่อนข้างเป็นศิลปิน พอเปิดร้านกาแฟก็ไม่ได้อยากแค่ขายกาแฟ แต่อยากสร้างพื้นที่สำหรับคนที่สนใจอะไรคล้ายๆ กัน ชอบบรรยากาศความเป็นย่านเหมือนกัน ได้มานั่งคุยกัน หรือต่อยอดให้เกิดกิจกรรมอะไรหลังจากนั้น พูดง่ายๆ ว่าอยากให้ร้านเป็นเหมือนสภากาแฟของชุมชนอะไรทำนองนั้น” เจ้าของร้านตรงหน้าอธิบายเจตจำนงของตัวเอง ก่อนชวนให้เราทักทายชายหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน ผู้อาชีพเป็นนักแสดงละครใบ้และหลงใหลในความเป็นย่านเก่าเช่นกันกับเขา และใช่ ทั้งสองคนเริ่มต้นมิตรภาพจากพื้นที่ตรงนี้นี่เอง

            “หลายคนเตือนเราว่าทำเลตรงนี้ไม่เหมาะกับการทำธุรกิจสักนิด เพราะไกลจากถนนใหญ่ การคมนาคมไม่สะดวกเท่าใจกลางเมือง แต่ถ้ามองในแง่ดี คนที่มาร้านนี้เขาย่อมต้องตั้งใจมา เพราะอย่างที่เห็นว่าต้องเดินเท่านั้น (หัวเราะ) แต่การเดินก็ทำให้เราได้เห็น ได้คุย ได้สัมผัสบรรยากาศ”                 

            เขาบอกแบบนั้น ก่อนเสริมว่าแม้ย่านเก่าจะมีความเสน่ห์และความสงบอย่างที่ใจต้องการ แต่การพัฒนาย่านให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่เช่นเขาก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่คนวัยทำงานจำนวนไม่น้อยกำลังโหยหาความสงบให้กับชีวิต

            “เราว่าคนรุ่นๆ เรากำลังมองหาบ้านหรือที่พักที่ให้ความสงบมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความเร็วของโลกดิจิทัลหรือการแข่งขันในเมืองหลวงที่สูงขึ้นมาก พอมีบ้านก็อยากให้เป็นที่พักจากความวุ่นวาย และย่านเก่าก็เป็นทำเลที่หลายคนมองหา แต่ข้อแม้คือในเมื่อเรายังต้องเดินทางไปทำงานใจกลางเมือง คนที่เลือกมาอยู่หรือมาสร้างอะไรใหม่ๆ ให้กับย่านจึงมีข้อจำกัดในแง่นี้ คนที่ทำได้ก็อาจเป็นกลุ่มศิลปินหรือประกอบอาชีพอิสระที่ตารางชีวิตยืดหยุ่นมากพอ” รูทเสนอสิ่งที่เขาคิด ก่อนเสริมว่าทุกวันนี้เขาเองก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมงในการเดินทางเข้าไปทำงานในเมือง แต่เมื่อชั่งน้ำหนักกับบรรยากาศและความสงบที่ได้ ย่านกะดีจีน-คลองสานก็ยังเป็นคำตอบ

            เราจิบกาแฟจนหมดแก้ว ก่อนเจ้าของร้านจะชวนเดินไปทักทายพี่ป้าน้าอาที่อาศัยอยู่ไม่ไกลจากร้าน รูทเล่าเรื่อยๆ ว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะแบบนี้เองที่ทำให้เขาหลงเสน่ห์ที่นี่

            “ถึงการพัฒนาย่านให้สอดคล้องกับชีวิตคนรุ่นใหม่จะจำเป็น แต่การแคร์วิถีชีวิตคนรุ่นเก่าก็สำคัญ อย่างคุณป้าที่เช่าบ้านอยู่ในย่านมา 40-50 ปี จนบางทีเป็นเหมือนญาติสนิทกับเจ้าของบ้านไปแล้ว การที่เอกชนเข้ามาลงทุนในย่านก็อาจทำให้ความสัมพันธ์ตรงนี้สั่นคลอนหรือหายไปก็ได้ การพัฒนาเลยต้องมองเห็นคนในย่านและคนนอกย่านไปพร้อมๆ กัน” เขาหันไปยิ้มให้กับคุณป้าร้านขายของชำที่สนิทกันมาหลายปี ก่อนชวนคุณป้าเข้ามานั่งคุยในร้านกาแฟบ้างในวันว่าง และคงอย่างที่รูทว่า Deep Root Cafe อาจไม่ใช่แค่ร้านกาแฟในย่านเก่า แต่คือพื้นที่สำหรับผู้คนที่จะเข้ามาช่วยกันบำรุงรักษารากเหง้าของชาวย่าน ให้หยั่งลึกอย่างแข็งแรง

Deep Root Cafe
ตั้งอยู่ติดกับสำนักงานเขตคลองสาน (ใกล้กับศาลเจ้าแม่ทับทิม)
ใช้เวลาเดินเท้าจากท่าเรือท่าดินแดงราว 10 นาที
เปิดทุกวัน ยกเว้นจันทร์-อังคาร


Contributor