ลมในเมือง
01/02/2023
เคยสงสัยหรือไม่ว่าทําไมฟ้าหลังฝนจึงแจ่มใส? หลายครั้งที่สถานการณ์ค่าฝุ่นควันตลอดจนอุณหภูมิภายในเมืองลดลงนั้นเกิดขึ้นหลังจากฝนตก ซึ่งฝนกลับไม่ใช่ปัจจัยเพียงอย่างเดียวที่ช่วยบรรเทาสถานการณ์มลภาวะทางอากาศ แต่ยังมี“ลม” ที่ไหลเวียนระหว่างกระบวนการเกิดฝนพัดพามลภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็กรวมถึงสร้างความรู้สึกเย็นภายในเมือง โดยทั่วไปแล้ว ลม เกิดจากการเคลื่อนที่ของอากาศจากที่มีความกดอากาศสูงไปยังที่มีความกดอากาศต่ําในทิศทางราบ แต่จะเคลื่อนที่เร็ว หรือช้า หรือในลักษณะใดนั้น นอกจากสภาพความกดอากาศ และอุณหภูมิสะสมโดยรอบแล้ว ยังขึ้นอยู่กับโครงสร้างของเมืองในแต่ละพื้นที่อีกด้วย องค์ประกอบต่างๆ ในเมืองไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ อาคาร หรือแม้แต่แนวถนนที่ตัดผ่านล้วนส่งผลต่อลักษณะ และทิศทางการเคลื่อนที่ของลมทั้งสิ้น โครงสร้างเมืองกับการเคลื่อนที่ของลม ความสูง-ทิศทาง-ที่ว่าง-ช่องเปิด เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ของลมสัมพันธ์กับของลักษณะโครงข่ายถนนและรูปแบบการวางตัวกลุ่มอาคารภายในเมืองโดยตรง สําหรับกรุงเทพฯ เมืองที่มีโครงสร้างส่วนใหญ่เป็น ซุปเปอร์บล็อก (Super Block) โครงข่ายซอยลึกและเมืองยังมีการเติบโตแบบริ้วตามแนวถนน ทําให้เกิดลักษณะอาคารสูงล้อมถนนหรือที่เรียกว่าปรากฏการณ์หุบเขาเมือง (Urban Canyon) ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับสัดส่วนความสูงอาคารต่อความกว้างของถนน (H/W ratio) และสัดส่วนมวลอาคาร (L/H ratio) โดยหากคิดคํานวณแล้วหากมีค่าสัดส่วนสูงเกินกว่า 2 และ 5 ตามลําดับ ประกอบกับมีแนวถนนที่ขวางทิศทางลมประจํา จะยิ่งส่งเสริมให้ลมมีทิศทางการเคลื่อนที่เป็นแบบกระแสหมุนวน (skimming flow) ไปจนถึงสภาวะอับลม ซึ่งทําให้มลภาวะทางอากาศและความร้อนที่สะสมโดยรอบนั้นถูกขังและหมุนเวียนในชั้นบรรยากาศระหว่างอาคารเป็นระยะเวลานานกว่าบริเวณที่มีพื้นที่โล่งว่างหรือมีสัดส่วนความสูงอาคารต่อความกว้างถนนต่ํา (Chan, So, & Samad, 2001) อาจเป็นสาเหตุให้เมื่อเราเดินหรือทํากิจกรรมในบริเวณริมถนนหรือพื้นที่ปลูกสร้างหนาแน่นในเมืองซึ่งมีสภาวะหุบเขาเมือง จะรู้สึกร้อนและหายใจไม่สะดวกแม้มีลมพัดผ่านตลอดเวลา […]