18/08/2025
Environment
แปลงเกษตรบนดาดฟ้า : ก้าวแรกสู่เกษตรในเมือง จากสำนักงานเขตหลักสี่
The Urbanis ณัฐชนน ปราบพล ภัทรนันท์ ด้วงสุข

การทำเกษตรไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่บนดินอีกต่อไป โดยเฉพาะในเมืองที่มีพื้นที่จำกัด ด้วยความต้องการจะสร้างแหล่งอาหารปลอดภัยให้กับบุคลากรภายในองค์กร “สวนเกษตรลอยฟ้า” จึงเริ่มต้นขึ้นบนดาดฟ้าของสำนักงานเขตหลักสี่ ซึ่งเป็นตัวอย่างของการใช้พื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์
จากบทความที่แล้วได้พาผู้อ่านทุกท่านไปทราบถึงแนวคิดและบทบาทของกลุ่มงานส่งเสริมเกษตรกรรม สำนักงานพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร ผ่านการสนับสนุนอาชีพด้านการเกษตรในพื้นที่เมือง
ในวันนี้ The Urbanis จึงขอชวนชาวเมืองคุยถึงเรื่องการทำเกษตรในเมือง กับ คุณสมฤดี ลันสุชีพ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตหลักสี่ ปี 2566 จะมาเล่าถึงหน่วยงานราชการที่มีประสบการณ์ทำเกษตรมากว่า 20 ปี เพื่อเรียนรู้ถึงปัญหา อุปสรรค ทำให้สำนักงานเขตหลักสี่กลายเป็นที่รู้จักในฐานะต้นแบบของการทำเกษตรบนดาดฟ้าในเมือง
เมื่อไรที่สำนักงานเขตเริ่มหันมาสนใจการทำเกษตร?

สำนักงานเขตหลักสี่เริ่มทำเกษตรมาตั้งแต่ปี 2545 จุดเริ่มต้นการทำเกษตรบนดาดฟ้า ช่วงแรกทำเกษตรแปลงใหญ่บนดินแต่ทำในพื้นที่ของเอกชน ต่อมาทางเอกชนต้องการใช้ประโยชน์พื้นที่ จึงได้ส่งคืนพื้นที่ แต่เนื่องจากทางสำนักงานเขตมีบุคลากรด้านการเกษตรที่มีศักยภาพ ต้องการต่อยอดการทำสวนเกษตร ประกอบกับทางสำนักงานเขตมีพื้นที่ว่างบนดาดฟ้าเป็นพื้นที่ใช้สำหรับเก็บของ จึงมีการแบ่งพื้นที่บางส่วน และจัดระเบียบพื้นที่ให้เป็นพื้นที่สำหรับการทำเกษตร โดยให้ฝ่ายรักษาความสะอาดเข้ามาจัดระเบียบพื้นที่
ปัจจุบัน สำนักงานเขตหลักสี่ใช้พื้นที่ดาดฟ้าประมาณ 440 ตารางเมตร ในการปลูกผักสวนเกษตรลอยฟ้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมแนวคิดเกษตรในเมือง สร้างความมั่นคงทางอาหารภายในองค์กร และแบ่งปันให้ชุมชนตามโอกาส นอกจากนี้ สำนักงานเขตยังมีเป้าหมายในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรในเมืองให้กับชุมชน และองค์กรภายนอก เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพึ่งพาตนเอง และขยายผลไปสู่สังคมในวงกว้าง
แปลงเกษตรบนพื้นที่ดาดฟ้าสำนักงานเขต

ต้นทุนด้านบุคลากรเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดสวนเกษตรบนดาดฟ้าของสำนักงานเขตคุณสมฤดี ลันสุชีพ ให้สัมภาษณ์ว่าสาเหตุที่เลือกทำเกษตรที่สำนักงานเขตเนื่องจาก สำนักงานเขตมีนักวิชาการเกษตรมีศักยภาพเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกษตรและมีกลุ่มบุคลากรของกรุงเทพมหานครที่รักในการทำเกษตร มีความคิดที่ต้องการพัฒนา และต้องการสร้างแหล่งอาหารที่มาจากเกษตรปลอดสารพิษให้กับบุคลากรของในองค์กร เริ่มแรกจากพื้นที่เล็ก ๆ ต่อมาได้ขยายเพิ่มจนเต็มพื้นที่ ปลูกผักโดยไม่ใช้สารเคมี และเป็นพืชหมุนเวียนเร็วทำให้ได้รับผลผลิตเร็ว เมื่อเพียงพอต่อการบริโภคของบุคลากรแล้ว จึงแบ่งปันให้กับประชาชนที่มาติดต่อราชการ

ความท้าทายในการเริ่มทำสวนเกษตรบนดาดฟ้า

ปัญหาที่สำนักงานเขตพบในช่วงแรกของการทำเกษตรบนดาดฟ้า โครงสร้างอาคารที่ต้องรองรับน้ำหนักของแปลงปลูก แรงลมที่อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช การรับแสงแดดที่มาก รวมถึงปัญหาน้ำรั่วซึมผ่านพื้นปูนของอาคาร ในส่วนความมั่นคงของโครงสร้างได้วิศวกรจากกทม.เข้ามาตรวจสอบให้ ทางสำนักงานเขตเรียนรู้ปัญหา แก้ไข และพัฒนามาเรื่อย ๆ ณ ปัจจุบันสามารถปลูกผักบนที่สูงได้โดยไม่มีปัญหา ในสวนของแปลงปลูกผักจะใช้วัสดุการปลูกจากขุยมะพร้าวมาใช้แทนดิน เนื่องจากมีน้ำหนักเบาไม่อุ้มน้ำ และผักส่วนใหญ่ที่เลือกปลูกเป็นผักหยั่งรากตื้นเพื่อให้เหมาะต่อพื้นที่เพาะปลูก ปัจจุบันพื้นที่บนดาดฟ้าประมาณ 440 ตารางเมตร ใช้ปลูกผัก 1 ตารางเมตร สามารถรับน้ำหนักได้ 200 กิโลกรัม
สถานที่ราชการกับบทบาท “แหล่งเรียนรู้”การทำเกษตร

คุณสมฤดีเล่าว่าความตั้งใจแรกของการทำสวนเกษตรลอยฟ้า คือ การสร้างแหล่งอาหารปลอดภัยสำหรับบุคลากรภายในองค์กรเท่านั้น แต่เมื่อโครงการประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับที่ดี หน่วยงานภายนอกจึงเริ่มให้ความสนใจและเข้ามาศึกษาดูงาน ทางสำนักงานเขตหลักสี่จึงขยายบทบาทการทำเกษตรให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีการวางแผนพัฒนาสวนเกษตรบนดาดฟ้าให้เป็น ศูนย์การเรียนรู้ด้านเกษตรในเมือง เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของเกษตรอินทรีย์และความสำคัญของอาหารปลอดภัย พร้อมทั้งส่งเสริมให้พื้นที่นี้ได้รับการยอมรับจากทั้งบุคลากรภายในองค์กร ชุมชน รวมถึงบุคคลทั่วไป
‘เราทำตรงนี้คงไว้ เพราะว่าเราอยากให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ มาดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แล้วด้วยองค์ความรู้นวัตกรรมใหม่ ๆ ’ เพราะท้ายที่สุดแล้วแนวคิดการทำเกษตรในเมืองไม่อาจหยุดอยู่แค่สำนักงานเขต การส่งต่อองค์ความรู้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้แนวคิดขยายสู่สังคมอย่างรวดเร็ว การทำเกษตรจึงไม่เพียงเป็นแหล่งอาหารปลอดภัยให้กับบุคลากรในสำนักงานอีกต่อไป แต่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่จะส่งต่อความรู้ ประสบการณ์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ จากการทำเกษตรของสำนักงานเขตให้กับสังคม รวมทั้งการเข้าไปสนับสนุนการทำเกษตรของชุมชน
การเกษตรในบริบทของสำนักงานเขตจะเป็นไปในทางไหน?

การส่งต่อความรู้คือการส่งเสริมให้ผู้คนหันมาทำเกษตร คุณสมฤดีให้สัมภาษณ์ว่า ต้องการเพิ่มองค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาสวนดาดฟ้า จัดทำเป็นนวัตกรรมทางการเกษตรจากการเรียนรู้และสังเกตการเจริญเติบโตของพืช และจากประสบการณ์ของผู้ดูแล รวมถึงการพัฒนาปุ๋ยและผลิตภัณฑ์ไล่แมลงจากสูตรที่พัฒนาขึ้นโดยบุคลากรผู้ดูแล โดยมีหลักวิชาการควบคุม การทดลองสูตรจะทำจนได้รับผลลัพธ์ที่ดี และต้องการนำนวัตกรรมเหล่านี้ไปเผยแพร่เพิ่มเติม
ทั้งนี้ทางสำนักเขตต้องการนำความรู้จากการพัฒนาสวนเกษตรบนดาดฟ้า มาใช้กับสวนเกษตรบนพื้นดิน และวางแผนการพัฒนาพื้นที่หนึ่ง ในชุมชนอาจจะไม่มีพื้นที่มาก ก็สามารถปรับเป็นการปลูกผักในกระถางหน้าบ้าน โดยสำนักเขตได้นำเมล็ดพันธุ์พืชพระราชทานแจกให้ชุมชน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ยังมีแนวคิดในการปรับปรุงพื้นที่รกร้างที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้กลายเป็นพื้นที่เกษตรชุมชน เข้าไปช่วยส่งเสริมให้ชุมชนพึ่งพาตัวเอง และใช้ประโยชน์พื้นที่ร่วมกัน

การทำเกษตรในเมือง ไม่ใช่เพียงการปลูกผักเพื่อบริโภคเท่านั้น แต่เป็นแนวทางในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร เสริมสร้างความร่วมมือในชุมชน และเป็นจุดเริ่มต้นของการพึ่งพาตนเองในสังคมเมือง การที่สำนักงานเขตหลักสี่ริเริ่มและพัฒนาสวนเกษตรลอยฟ้า ไม่เพียงช่วยให้บุคลากรในองค์กรมีแหล่งอาหารปลอดภัย แต่ยังเป็นต้นแบบในการส่งเสริมการเกษตรในเมืองให้กับหน่วยงานและชุมชนอื่น ๆ
จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สำนักงานเขตหลักสี่สามารถก้าวข้ามความท้าทาย และต้องการต่อยอดการทำเกษตรให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้เข้ามาศึกษาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การพัฒนานวัตกรรมการเกษตรในเมือง รวมถึงการเข้าไปส่งเสริมให้ชุมชนสามารถนำองค์ความรู้ไปปรับใช้กับพื้นที่ของตนเอง เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยขยายผลแนวคิดนี้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
สุดท้ายนี้ การทำเกษตรในเมืองต้องอาศัยความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน หากทุกคนเริ่มต้นจากตัวเอง มีความคิดริเริ่มอยากจะทำ อนาคตของเกษตรในเมืองจะไม่ใช่เพียงเรื่องของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับสังคม
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาพื้นที่สุขภาวะด้วยแนวคิดเกษตรในเมือง: กลไกบูรณาการเชิงนโยบายเพื่อสร้างพื้นที่สุขภาวะ และพื้นที่ส่งเสริมความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหารของกรุงเทพมหานคร ดำเนินการโดยศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (UDDC-CEUS) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)