20/04/2020
Public Realm

Where we belong ในช่องว่างของความไม่รัก

ปภัสรา เทียนพัด
 


6 ปีของคุณยาวนานแค่ไหน ? เท่าที่มองเห็น 6 ปีที่ผ่านมานี้ได้เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งเกี่ยวกับใครต่อใครไปมากทีเดียว จากนักเรียนสู่นักศึกษา จากนักศึกษาสู่พนักงาน จากต่างจังหวัดสู่เมืองหลวง และอาจยาวนานมากพอที่จะเปลี่ยนให้เด็กหลายคนเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่โกรธเกรี้ยว เศร้าโศก สิ้นหวัง และกำลังจะเฉยชาอย่างมากได้ในเวลาเดียวกัน

และท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้กลับมีหลายสิ่งเช่นเดียวกันที่แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย

‘กรุงเทพมหาคร’ เมืองใหญ่ที่ใหญ่กว่าปทุมธานีแค่สี่สิบกว่าตารางกิโลเมตร แต่กลับมีประชากรมากเกือบ 6 ล้านคน แม้คนจะมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่การเติบโตของเมืองกลับไม่ได้ช่วยใครเข้าถึง ‘ชีวิตดีๆที่ลงตัว’ ได้มากขึ้นเท่าไหร่นัก ช่องว่างของความเหลื่อมล้ำไม่เคยลดน้อยลง ความเจริญผูกเป็นปมหนาอยู่กลางเมือง และคนส่วนใหญ่ก็ยังคงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อชดเชยในส่วนที่สวัสดิการจากรัฐไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวมันเองได้ดีพอ

การเดินทางในกรุงเทพฯไม่เคยเป็นเรื่องง่ายสำหรับใครก็ตาม 

การเดินออกไปสำรวจเมืองในวันนี้ ฉันเลือกที่จะเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ อย่างรถตู้ รถเมล์ รวมถึงรถไฟฟ้า 

แม้จะมีเงินไม่มากนัก แต่บางครั้งการจ่ายค่ารถเมล์ในราคาหลักสิบก็อาจเป็นเรื่องที่ต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะเงินจำนวนน้อยเท่านี้อาจไม่คุ้มค่าเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณจะได้รับจากการบริการของขนส่งมวลชน รวมถึงเวลามากพอสมควรที่ต้องสูญเสียไปบนท้องถนน  และหากจะเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าคุณก็อาจต้องจ่ายราว 30 – 120 บาท ต่อการโดยสารไปและกลับในหนึ่งรอบจากรายได้เฉลี่ย 620 บาท (อ้างอิงโดยประมาณจากเว็บไซต์ลงทุนศาสตร์ 2018)

จริงอยู่ที่ในปัจจุบันรถไฟฟ้านั้นสามารถเข้าถึงพื้นที่ส่วนอื่นๆได้มากขึ้น แต่ราคาของมันก็ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน นี่จึงทำให้ความไม่ปกติอย่างการต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อการคมนาคมที่ดีตามมาตรฐานนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

พื้นที่ในอีกฟากของเมืองนำเราไปรู้จักกับเมืองอีกแบบที่เราอาจไม่คุ้นเคย 

ราคาของที่อยู่อาศัยที่แพงเกินกว่าค่าครองชีพไปหลายเท่านั้นทำให้หลายคนเลือกที่จะเช่าบ้าน รวมถึงพึ่งพาสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยจากภาครัฐที่ดูเหมือนจะไม่ดีเท่าไหร่นัก ฝุ่นควันจากการคมนาคมบนทางด่วนตกลงสู่หลังคาเบื้องล่าง คนในชุมชนยังคงใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติแม้ว่าฝุ่นที่ว่าอาจกระจายอยู่แทบทุกอณูในอากาศ และระยะถนนระหว่างสองบ้านที่ห่างกันเพียงหนึ่งก้าวเล็ก ๆ ตรงหน้าก็ทำให้ฉันเริ่มสงสัย ว่าจริง ๆ แล้วช่องว่างของความเหลื่อมล้ำที่เราใกล้จะคุ้นชินเต็มทีนี้มันกว้างเท่าไหร่กัน 

และเมื่อเราโดยสารออกจากพื้นที่นั้นเพื่อเดินทางต่อด้วยรถไฟฟ้า สถานีรถไฟฟ้าท่ามกลางตึกสูงใหญ่และความเจริญที่ไม่รู้จบนี้ก็ทำให้ฉันพบว่า ช่องว่างแห่งความไม่รักที่ว่ามีมูลค่าเพียง 60 บาทตามแท็กซี่มิเตอร์เท่านั้น แต่เรากลับไม่สามารถพาใครก้าวข้ามมายังอีกด้านของเมืองได้เลย

ความไม่รักซ้ำ ๆ ที่ถูกหล่อเลี้ยงมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานนี้ ยิ่งปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้นในระยะ 6 – 7 ปีท่ีผ่านมา ความไม่สมบูรณ์ของเมืองและชีวิตของผู้คนอาจสร้างความขบขันได้ในบางครั้งที่เห็น แต่ในอีกหลายๆครั้งมันกลับสร้างน้ำตา ความตาย และความชิงชังให้เกิดขึ้นอย่างเงียบงัน

หากบง จุน โฮ (ผู้กำกับจากภาพยนตร์เรื่อง Parasite) เลือกที่จะถ่ายภาพยนตร์ซักเรื่องในไทย ที่นี่อาจเป็นโลเคชั่นที่ดีที่สุดที่หนึ่ง เพราะคุณต้องเดาไม่ได้แน่ ๆ ว่าจุดที่ต่ำที่สุดของความไม่เท่าเทียมนั้นจะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหน และไม่รู้เลยว่าใต้ฟ้าที่ครึ้มไปด้วยฝุ่นควันนั้นทุกคนจะยังหายใจได้ดีอยู่หรือเปล่า

อย่างที่เขาว่า 

‘นี่คือเรื่องตลกที่ไม่มีตัวตลก 

เป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่มีผู้ร้าย

ทุกสิ่งเพียงโรมรัน และผลักเราตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง’

และอย่างที่ฉันว่า ‘แต่คงมีเพียงความเหลื่อมล้ำและความไม่รักจากคุณเท่านั้น…ที่จะฆ่าเราให้ตายได้จริงๆ’


Contributor