04/06/2025
Environment

สวนบนดาดฟ้าแพรี่พาย: จากวิกฤตสู่แรงบันดาลใจ จากธรรมชาติสู่บทเรียนชีวิต

The Urbanis รศ.ดร. นิรมล เสรีสกุล ศุภกร มาเม้า
 


หลังจากได้อ่านเรื่องราวของ คุณแม็กซีน เจ้าของสวนผักเล็ก ๆ ในบ้าน ที่เริ่มต้นจากความตั้งใจอยากมีพื้นที่สีเขียวรอบตัว และความต้องการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย ทำให้เราตั้งคำถามว่า “ในเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงและพื้นที่จำกัด เราจะสามารถปลูกผักและสร้างแหล่งอาหารของตัวเองได้หรือไม่?” 

The Urbanis เลยอยากชวนชาวเมืองมาทำความรู้จักกับเรื่องราวของ คุณอมตา จิตตะเสนีย์ หรือ คุณแพรี่พาย ที่ต้องการเปลี่ยนพื้นที่บนดาดฟ้าให้เป็นแหล่งอาหารและศูนย์เรียนรู้ของชุมชนเมือง

จากวิกฤตสู่แรงบันดาลใจ

ประสบการณ์ช่วงล็อคดาวน์เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เริ่มตระหนักถึงคุณค่าของแหล่งอาหารและธรรมชาติ จากการที่เคยใช้ชีวิตในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ไม่มีพื้นที่ปลูกผัก ไม่มีพื้นที่สีเขียว และต้องพึ่งพาการสั่งอาหารอย่างเต็มรูปแบบ จนเกิดความรู้สึกเครียดและโดดเดี่ยว แต่เมื่อได้กลับไปใช้ชีวิตที่เชียงดาว และสัมผัสกับวิถีของชาวบ้านที่มีสวน มีไร่ และสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ทำให้เห็นคุณค่าของการมีพื้นที่สีเขียวใกล้ตัว 

คุณแพรี่พาย เริ่มตั้งคำถามว่า ถ้าเรานำแนวคิดแบบนี้มาปรับใช้กับชีวิตเมืองได้ล่ะ? ถ้าหากสามารถเปลี่ยนพื้นที่ของตัวเองให้กลายเป็นแหล่งอาหารของครอบครัวได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำสวนดาดฟ้า ที่ไม่ใช่แค่การปลูกผัก แต่คือการปลูกความหวัง ความมั่นคง และการกลับมาเชื่อมโยงกับธรรมชาติอีกครั้งในชีวิตประจำวัน

ประสบการณ์จากธรรมชาติกลายเป็นบทเรียนชีวิต

การได้ใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่อย่างสกลนครและเชียงดาว ทำให้เข้าใจระบบนิเวศในเชิงลึก ตั้งแต่ต้นน้ำ ป่า ดิน ไปจนถึงพืชผักและอาหารที่อยู่บนโต๊ะ ซึ่งเปลี่ยนความคิดของคุณแพรี่พายอย่างสิ้นเชิง เมื่อกลับมาสู่เมือง เธอจึงตัดสินใจสร้างสวนขึ้นบนดาดฟ้าคอนโด ไม่ใช่แค่เพราะอยากปลูกผัก แต่ต้องการ “จำลองธรรมชาติ” และ “ระบบนิเวศ” ที่เคยซึมซับจากชีวิตในชนบทมาไว้กลางเมืองหลวง เธอบอกตรง ๆ ว่า นี่คือการลอกเลียนธรรมชาติอย่างตั้งใจ เพื่อให้คนเมืองได้สัมผัสบางส่วนของความมั่นคงทางอาหาร ความงามจากพืชพรรณ และความสัมพันธ์แบบพึ่งพาระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อม

สิ่งที่คุณแพรี่พายทำบนดาดฟ้า ไม่ได้เป็นแค่การปลูกพืชแบบลอย ๆ แต่เป็นการจำลอง ระบบนิเวศขนาดย่อม ที่มีดินดี น้ำสะอาด ลม แดด และความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต เธอไม่ได้ปลูกแค่ผักกินได้ แต่ปลูกระบบคิดใหม่ให้คนเมืองได้เรียนรู้ว่าวัฏจักรธรรมชาติทำงานอย่างไร และเราสามารถมีบทบาทร่วมได้มากแค่ไหน ตั้งแต่การรู้จักฤดูกาล รู้จักที่มาของอาหาร ไปจนถึงความเข้าใจในความสัมพันธ์แบบ Symbiosis คือการอยู่ร่วมและพึ่งพากันระหว่างคนกับธรรมชาติ

การสร้างแรงบันดาลใจให้คนเมืองกลับมารักรากเหง้าของตัวเอง

คุณแพรี่พายกลับมาเริ่มต้นจาก “ตัวเอง” และพื้นที่เล็ก ๆ ที่เธอมีอยู่บนดาดฟ้า เธอเชื่อว่าการสร้างความเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นต้องใหญ่โตในทันที แต่สามารถเริ่มได้จากจุดเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความรัก ความตั้งใจ และความเข้าใจในธรรมชาติ สวนดาดฟ้าของเธอจึงไม่ใช่แค่สวนผัก แต่คือ “การปลูกจิตสำนึกใหม่” ให้คนเมืองได้กลับมามีราก มีความสุข และมีความเข้าใจต่อโลกอย่างแท้จริงอีกครั้ง

สวนดาดฟ้าของคุณแพรี่พายเป็นพื้นที่เวิร์กช็อป ปัจจุบันได้ขยายไปยังหลายพื้นที่ที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กลับบ้านไปพัฒนาพื้นที่ของตนเอง นอกจากเชียงดาวที่เริ่มต้นไปแล้ว ตอนนี้กำลังมีบทบาทเพิ่มขึ้นในสกลนคร และอาจจะขยายไปยังขอนแก่น ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่รักในถิ่นฐานของตัวเอง และต้องการทำให้บ้านเกิดกลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมในมุมมองใหม่

หนึ่งในแนวคิดที่สำคัญคือ การแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น เกษตรกรบางรายอาจมีมะม่วงที่ขายไม่ออก หรือช่วยนำเสนอเรื่องราวของผลผลิตเหล่านี้ในมุมมองใหม่ ๆ คล้ายกับแนวคิดของ OTOP แต่ในรูปแบบที่ทันสมัยและเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น ในส่วนของการเรียนรู้  จะเป็นเหมือน “ห้องเรียน” ที่ช่วยให้ผู้บริโภคในเมืองเข้าใจถึงคุณค่าของอาหารและทรัพยากรที่พวกเขาใช้ในชีวิตประจำวัน

ขับเคลื่อนเกษตรในเมืองด้วยวิถีแห่งธรรมชาติ

การจะขับเคลื่อนการทำเกษตรในเมืองให้สำเร็จ ไม่ใช่แค่การวางแผนหรือจินตนาการภาพขึ้นมาว่าควรจะเป็นแบบไหน แต่ควรถอดแบบจากธรรมชาติ ลองเรียนรู้และกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติก่อนสักระยะ เพื่อเข้าใจว่าโลกทำงานยังไง อย่างการเดินป่าบ่อย ๆ ได้ลองมองต้นไม้ มองการเติบโตของพืชในป่า แล้วค่อยกลับมาปรับใช้กับพื้นที่ของตัวเอง “แบบที่ไม่ฝืน ไม่เร่ง แต่คล้อยตามจังหวะของโลก”

สิ่งหนึ่งที่แพรี่พายยืนยันคือ การจะทำเกษตรในเมืองหรือจำลองระบบนิเวศให้ประสบความสำเร็จได้ มันไม่ได้อยู่แค่เรื่องของดินดี น้ำดี หรือการวางระบบที่ฉลาด แต่มันต้องกลับไปมองที่แก่นแท้ของธรรมชาติ ต้องเข้าใจว่าสิ่งแวดล้อมมีจังหวะของมัน ฤดูกาลมีผลต่อการเติบโต ดินต้องพัก น้ำต้องหมุนเวียน และพืชก็ต้องปรับตัวในแบบของมัน ถ้าเราไม่เข้าใจระบบนี้ให้ลึกพอ แล้วพยายามยัดระบบของเราเข้าไปเพียงอย่างเดียว มันจะไม่เกิดความยั่งยืน ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำจึงไม่ใช่แค่การสร้างแปลงปลูก แต่คือการ “ยอมลดบทบาทมนุษย์” ลง แล้วปล่อยให้ธรรมชาติทำงานของมันอย่างที่เคยเป็น และเราเป็นแค่ผู้ดูแล ไม่ใช่ผู้กำหนดทุกอย่าง นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จที่แท้จริง

สุดท้ายนี้ สวนดาดฟ้าของคุณแพรี่พาย เป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่อาจส่งผลต่อสังคมในวงกว้าง ไม่เพียงแต่สร้างแหล่งอาหาร แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้คนเมืองเข้าใจวิถีชีวิตที่พึ่งพาธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาพื้นที่สุขภาวะด้วยแนวคิดเกษตรในเมือง: กลไกบูรณาการเชิงนโยบายเพื่อสร้างพื้นที่สุขภาวะ และพื้นที่ส่งเสริมความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหารของกรุงเทพมหานคร ดำเนินการโดยศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (UDDC-CEUS) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)


Contributor