06/08/2025
Environment
ขับเคลื่อนเกษตรในเมืองสู่ความมั่นคงทางอาหาร ภารกิจของกลุ่มงานส่งเสริมเกษตรกรรม สำนักพัฒนาสังคม กทม.
The Urbanis ณัฐชนน ปราบพล ปฐมพร เณรยอด

ภาพรวมทั้งหมดของกลุ่มงานส่งเสริมงานเกษตร สำนักงานพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร นอกจากมีบทบาทในเรื่องเกษตรในเมืองยังควบคู่ไปกับการเสริมสร้างเศรษฐกิจแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติหรือกขาดแคลนทรัพยากร รวมถึงการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของเกษตรกรเพื่อความยั่งยืนของภาคเกษตรและเศรษฐกิจเมือง
วันนี้ The Urbanis ขอชวนชาวเมืองพูดคุยกับคุณรุ่งนภา ตรีแก้ว ผู้อํานวยการส่วนส่งเสริมเกษตรกรรม สํานักงานการส่งเสริมอาชีพ กรุงเทพมหานคร ได้เล่าถึงการขับเคลื่อนการทำเกษตรในเมืองของกลุ่มงานส่งเสริมเกษตรกรรม สำนักงานพัฒนาสังคม ร่วมกับทีมงานทั้ง 8 คน ผ่านภารกิจต่าง ๆ ด้านการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรในกรุงเทพมหานคร จะมาบอกเล่าว่า แรงบันดาลใจ อุปสรรค โอกาส บทบาท และข้อเสนอแนะที่จะขับเคลื่อนเกษตรในเมือง ผ่านประสบการณ์จากภารกิจของพวกเขาเหล่านี้
“ภารกิจของสำนักพัฒนาสังคม คือการพัฒนาเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น พร้อมพัฒนาคุณภาพชีวิตและทักษะของประชาชน ทั้งในเรื่องของปากท้อง เรื่องของการเลี้ยงชีพและการมีอาชีพที่ดี ส่งเสริมการสร้างรายได้”
คุณรุ่งนภา ตั้งใจส่งเสริมอาชีพเกษตรทุกภาคส่วน ด้านพืช ปศุสัตว์ ประมง ครอบคลุมทั้งหมดตั้งแต่ ผลิต ปลูก แก้ปัญหา ติดตามผล แปรรูป จนไปถึงสร้างรายได้ มากกว่านั้นยังมีบทบาทสำคัญช่วยเหลือเกษตรกรจากภัยพิบัติ ตัวอย่างล่าสุด คุณรุ่งนภเจอเกษตรกรเลี้ยงหอยแครงในเขตบางขุนเทียน 495 ราย (ข้อมูลปี 2566) ได้รับความเสียหาย และอยู่ระหว่างขอรับเงินช่วยเหลือ 29 ล้านบาท ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า งานด้านเกษตรเป็นภารกิจที่กว้างและท้าทายอย่างแท้จริง
แรงบันดาลใจที่อยากขับเคลื่อนผ่านภารกิจของสำนักพัฒนาสังคม

แรงบันดาลใจทั้งหมดเริ่มมาจากคุณรุ่งนภาเข้ามาทำงานแล้วเจอกับคำว่า “เกษตรในเมือง” ประกอบกับพื้นที่ในกรุงเทพฯ มันน่าหลงใหลและเต็มไปด้วยความท้าทายด้วยข้อจำกัดในเชิงพื้นที่และวิถีชีวิต หลังจากรับรู้ว่ามีพื้นที่เกษตรราว 130,000 ไร่ และมีครัวเรือนเกษตรกรกว่า 14,000 ครัวเรือน (ข้อมูลปี 2566) นำไปสู่การตั้งคำถามว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถผลักดันให้คนเมืองหันมาทำเกษตรในเมืองมากยิ่งขึ้น
สู่แนวคิดการทำ “เกษตรเลี้ยงเมือง”
แนวคิดนี้หมายถึงการปลูกผลผลิตเพื่อเลี้ยงคนกรุงเทพฯ ให้ได้มาด้วยความสดใหม่ ลดต้นทุน ตอบโจทย์เรื่อง Food Safety และ Food Security หรือความปลอดภัยและมั่นคงทางอาหาร คุณรุ่งนภกับทีมงานพยายามผลักดันมากกว่าด้านเศรษฐกิจ คือแนวคิดการสร้างชุมชนให้เข้มแข็งและเลี้ยงตัวเองได้ นี่คือเป้าหมายสำคัญสามารถยกเป็นแรงบันดาลของการขับเคลื่อนเกษตรในเมืองอย่างแท้จริงไม่ใช่เพียงแต่คำนึงถึงเรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียวเท่านั้น

ข้อจำกัด และความท้าทายในการขับเคลื่อนเกษตรในเมืองที่ต้องเจอ

แน่นอนเมื่อพูดถึงการทำเกษตรทุกคนมักนึกถึง พื้นที่แปลงขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจัยนี้สามารถเกิดได้เฉพาะเกษตรชนบทเท่านั้น ด้วยข้อจำกัดเรื่องพื้นที่เกษตรในกรุงเทพฯ ไม่สามารถมีแปลงขนาดใหญ่ได้ จึงต้องพึ่งการกระจายทำเกษตรตามซอกตึก ดาดฟ้า หรือแปลงขนาดย่อม ๆ การปลูกพืชให้มีประสิทธิภาพและปริมาณเพียงพอเป็นเรื่องท้าทายอย่างยากลำบาก
ทั้งนี้การทำเกษตรในเมืองยังต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญอย่างเรื่องแหล่งน้ำในเมืองที่มีสารปนเปื้อน ทำให้วิธีทำเกษตรอินทรีย์ในเมืองเป็นเรื่องยาก เมื่อทดสอบน้ำก็อาจพบสารปรอท แคดเมียม หรือสารเคมีตกค้าง ซึ่งอาจปนเปื้อนจากบ้านจัดสรรหรือโรงงาน ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจของสำนักพัฒนาสังคมเผชิญกับภาระงานอันหนักหน่วง
กรุงเทพฯ กับโอกาสของเกษตรในเมือง
คุณรุ่งนภาเห็นว่า กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่มีผู้บริโภคจำนวนมาก กำลังเปิดโอกาสให้ “เกษตรในเมือง” เติบโตได้อย่างไม่จำกัด โดยเฉพาะเมื่อมีการสร้างตลาดที่ใกล้ชิดกับผู้คนมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับกระแสคนเมืองที่หันมาใส่ใจสุขภาพ และมองหาผลิตภัณฑ์อย่างผักอินทรีย์หรือผักปลอดสารพิษ หากมีการกระจายตลาดไปในหลายพื้นที่ของเมือง เกษตรกรในเมืองก็จะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ต่างจากในต่างจังหวัดที่อาจประสบปัญหาในการเข้าถึงตลาด กรุงเทพฯ จึงกลายเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง ทั้งในแง่ของความต้องการสินค้าและกำลังซื้อ ทำให้การทำเกษตรในเมืองกลายเป็นทางเลือกที่มีอนาคตสดใส
บทบาทสำคัญของสำนักพัฒนาสังคม
นอกจากสำนักพัฒนาสังคมจะมีหน้าที่ในการสนับสนุนองค์ความรู้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกษตรในเมืองเติบโตอย่างยั่งยืน ประกอบไปด้วยนักวิชาการเกษตรที่มีความเชี่ยวชาฐทุกสภาพ ทุกพื้นที่แล้ว อีกหนึ่งบทบาทคือการแจกเมล็ดพันธุ์ผักต่าง ๆ การสอนเพาะกล้า การสอนดูแลและติดตามการเติบโต ตลอดจนการส่งเสริมให้เกษตรกรเข้ามาเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้ต่อและนำไปแบ่งปันภายในชุมชน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่ช่วยลดต้นทุน แต่ทว่ายังสร้างความยั่งยืนให้กับเกษตรในเมือง ถือเป็นการส่งเสริมให้ชาวเมืองสามารถปลูกผักได้สะดวกและง่ายยิ่งขึ้น ตลอดจนเป็นบันไดขั้นแรกสู่การสร้างความมั่นคงทางอาหารในชุมชนให้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้การส่งเสริมเกษตรในเมืองไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่สามารถเปิดโอกาสให้คนทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กเล็กในระดับอนุบาล ไปจนถึงผู้สูงอายุ ได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง โดยใช้วิธีการสื่อสารที่เข้าใจง่าย เหมาะสมกับวัยและประสบการณ์ของแต่ละคน แนวทางนี้ทำให้เกษตรในเมืองกลายเป็นกิจกรรมที่เข้าถึงได้ทุกเพศ ทุกวัย เสริมสร้างความรู้พื้นฐานด้านอาหารและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังต่อยอดไปสู่การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืนในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีทีมงานที่คอยให้คำแนะนำและติดตามช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำเกษตร เพื่อให้ทุกคนสามารถทำเกษตรในเมืองได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการสร้างระบบสนับสนุนที่ช่วยผลักดันให้เกษตรในเมืองเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ข้อเสนอแนะเพื่อให้การพัฒนาเกษตรในเมืองให้บรรลุถึงเป้าหมายอนาคต
คุณรุ่งนภาได้เสนอแนวทางเชิงนโยบายสำหรับผู้บริหารที่ต้องการพัฒนาเกษตรในเมืองอย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้น 2 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย
1. ขยายโครงสร้างและเพิ่มบุคลากรให้เหมาะสมกับภาระงาน
ปัจจุบันกลุ่มงานส่งเสริมเกษตรกรรมมีขนาดเล็กแต่รับผิดชอบงานหลากหลาย ทั้งการส่งเสริมการปลูกพืช สร้างความมั่นคงทางอาหาร ดูแลพื้นที่เกษตรในเมือง และให้ความรู้กับประชาชนในทั้ง 50 เขตของกรุงเทพฯ หากต้องการผลักดันให้เกษตรในเมืองพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ควรปรับขยายโครงสร้างหน่วยงานให้สอดคล้องกับภารกิจ พร้อมเพิ่มจำนวนบุคลากร โดยเฉพาะนักวิชาการเกษตร ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน
2. จัดสรรงบประมาณอย่างเป็นระบบ
ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ต้องทำงานด้วยความมุ่งมั่นและใช้ทรัพยากรอย่างจำกัด เนื่องจากยังไม่มีงบประมาณสนับสนุนโดยตรง การจัดสรรงบประมาณที่ชัดเจนและเป็นระบบจะช่วยให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถขยายผลสู่กลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้นอย่างยั่งยืน
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาพื้นที่สุขภาวะด้วยแนวคิดเกษตรในเมือง: กลไกบูรณาการเชิงนโยบายเพื่อสร้างพื้นที่สุขภาวะ และพื้นที่ส่งเสริมความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหารของกรุงเทพมหานคร ดำเนินการโดยศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (UDDC-CEUS) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)