04/08/2025
Environment
เกษตรในเมืองเป็นมากกว่าการปลูกเพื่อกิน คุยกับคุณพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่ากทม.
The Urbanis อดิศักดิ์ กันทะเมืองลี้ อริยา ยศธสาร

จากบทความครั้งที่แล้วได้พาทุกท่านไปรู้จักกับมุมมองการทำสวนผักดาดฟ้า ศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน ช้อปปิ้งพลาซ่า หน่วยงานเอกชนที่เห็นถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม และต้องการที่จัดการขยะจากการบริโภคให้เกิดคุณค่า
กรุงเทพมหานครในฐานะเมืองใหญ่ที่มีจำนวนประชากรหนาแน่น ที่กำลังเผชิญกับปัญหา Food Waste ที่มีปริมาณมหาศาลในแต่ละวัน ขณะเดียวกันเมืองก็ยังต้องนำเข้าวัตถุดิบอาหารจากภายนอก เพราะแหล่งผลิตในเมืองยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เกษตรในเมืองจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการปลูกพืชเพื่อกิน แต่คือการใช้ทรัพยากรในเมืองให้เกิดประโยชน์สูงสุด
วันนี้ The Urbanis ชวนนักอ่านสำรวจบทบาทของเกษตรในเมือง ผ่านมุมมองของคุณพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับความท้าทายในการทำเกษตรท่ามกลางเมืองใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมือง ทั้งด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และแนวทางของกรุงเทพมหานครในการส่งเสริมให้ “อาหาร” และ “เมือง” เดินหน้าไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
เกษตรในเมืองภายใต้การดูแลของกรุงเทพมหานคร
การขับเคลื่อนการทำเกษตรในเมืองของกทม. อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักพัฒนาสังคม ซึ่งมีบทบาทในการส่งเสริมและพัฒนาระบบการผลิตภาคการเกษตรของกทม. สู่การเกษตรสมัยใหม่ โดยเน้นเทคโนโลยีและการบริหารจัดการเพื่อให้สินค้าเกษตรได้มาตรฐานปลอดภัย ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมอาชีพ การเกษตรในความดูแลของกทม. จึงไม่ได้เป็นเพียงการผลิตทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสังคมและความเป็นอยู่ของประชาชนในเมือง
ปัจจุบันกรุงเทพมหานครได้มีการส่งเสริม ตลาดเกษตรกรมากกว่า 38 เขต มีเรื่องของการทำตลาดเกษตรกร รวมเป็น 40 กว่าจุด และในพื้นที่สวนสาธารณะ 12 แห่ง (ข้อมูลปี 2023) โดยตลาดเกษตรกรช่วยส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเขต เกษตรกร และประชาชนที่ให้ความสนใจเรื่องการเกษตร สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการเพาะปลูกผักในรูปแบบของแปลงเกษตรชุมชนได้ พร้อมใช้พื้นที่เป็นตัวกลางขายพืชผักให้กับชุมชน ถือเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมอาชีพเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้น

ความท้าทายของการทำเกษตรในเมือง
แม้หลายคนจะยังมองว่า “การเกษตร” เป็นเรื่องของชนบท แต่ในความเป็นจริง การเกษตรในอนาคตไม่จำเป็นต้องอยู่แค่ในพื้นที่นอกเมืองอีกต่อไป คุณพรพรหม ชี้ให้เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องปรับมุมมองใหม่ เพราะเกษตรสามารถเกิดขึ้นได้ในเมือง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่แคบ พื้นที่เหลือใช้ หรือแม้แต่บนอาคารสูง เช่น สวนผักบนดาดฟ้า (Rooftop Farming) หรือ สวนแนวตั้ง (Vertical Farming) ในปัจจุบันมีหลายองค์กรเอกชนที่เริ่มให้ความสำคัญกับแนวคิดนี้ และลงมือทำเกษตรในเมืองในรูปแบบที่สอดคล้องกับพื้นที่และเป้าหมายของตนเอง

แปลงเกษตรกู้สิ่งแวดล้อมเมือง
การทำเกษตรในเมืองไม่ใช่แค่เรื่องของอาหารเท่านั้น แต่ยังร่วมไปถึงประเด็นสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะเรื่องของ Food Miles ความไกลของการนำอาหารเข้ามาในเมืองเป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือว่าตัวควันดำที่เป็นต้นตอของ PM2.5 โดยกทม. ยังไม่สามารถเป็นพื้นที่การเกษตรได้ด้วยปัจจัยต่าง ๆ กรุงเทพฯ ซึ่งมีประชากรอาศัยมากกว่า 10 ล้านคน ที่เป็น Daytime Population หรือประชากรแฝงที่เข้ามาทำงาน และใช้ชีวิตในเมือง ด้วยข้อจำกัดทางด้านพื้นที่ และอื่น ๆ ส่งผลให้ไม่สามารถปลูกพืชได้ แต่ความต้องการทางอาหารที่สูง จึงยังจำเป็นต้องมีการนำเข้าอาหารจากภายนอก

อย่างไรก็ตาม หากสามารถส่งเสริมการทำเกษตรในเมือง และสร้างพื้นที่ผลิตอาหารใกล้แหล่งบริโภค ก็จะช่วยลดระยะทางการขนส่งอาหาร (Food Miles) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทั้งสิ่งแวดล้อม และสุขภาวะของประชาชน อย่างเรื่องมลพิษทางอากาศ เช่น PM2.5 ที่ยังคงเป็นปัญหาสำคัญในเมืองใหญ่ อีกทั้งการทำเกษตรในเมืองยังช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้น การส่งเสริมแนวคิดนี้จึงไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างสุขภาวะที่ดีแก่ประชาชนในเมือง

Carrot and Stick หรือ แครอท และ ไม้เรียว
การปลูกพืชควรควบคู่ไปกับการแยกขยะ โดยเฉพาะการนำเศษอาหารที่เหลือมาแปรรูปเป็นปุ๋ยหมัก เพื่อนำกลับมาใช้ในการเพาะปลูกอีกครั้ง ซึ่งช่วยให้เกิดการหมุนเวียนทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ แนวทางนี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในระดับครัวเรือน องค์กร และชุมชน ทั้งนี้กรุงเทพมหานครยังส่งเสริมการคัดแยกขยะโดยใช้แนวคิด Carrot and Stick

Carrot (รางวัล) เป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนอยากทำความดี โดยทางกทม. มีโครงการไม่เทรวมสำหรับองค์กรที่เป็นตัวอย่างในการแยกขยะ เริ่มจากการแยกขยะเปียกกับแห้ง ขยะแห้งสามารถใช้ประโยชน์ได้ และมีมูลค่าสามารถนำไปขายเป็นการเพิ่มรายได้ ส่วนขยะเปียกสามารถทำได้หลายอย่าง เช่น นำไปทำปุ๋ยหมักใช้กับการทำเกษตร หากเข้าร่วมโครงการก็จะได้รับโลโก้ให้เป็นการยอมรับเป็นหนึ่งในภาคีของกทม.
Stick (การลงโทษ) เป็นเหมือนขั้นกว่าของ carrot คือ การใช้กฎหมายหรือข้อบังคับสร้างแรงจูงใจ กรุงเทพมหานครกำลังทำอยู่ตอนนี้คือเรื่องขยะ ที่ต้องการเพิ่มค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ผลิตขยะในปริมาณมาก ยิ่งผลิตมากก็ยิ่งเสียค่าธรรมเนียมที่มากขึ้น ถือเป็นหนึ่งในมาตราการในการสร้างแรงจูงใจให้หน่วยงานต่าง ๆ ให้ความสนใจกับการลดขยะมากยิ่งขึ้น
นโยบายควบคู่กับการทำเกษตรในเมือง
กรุงเทพมหานครมีนโยบายที่ช่วยผลักดันแนวคิดเกษตรในเมือง ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน คุณพรพรหม มองว่ากทม.สามารถทำเกษตรควบคู่ไปกับการจัดทำนโยบายได้ โดยการเปลี่ยนพื้นที่รกร้างให้กลายเป็นพื้นที่การเกษตร หากชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมก็จะยิ่งส่งผลให้การต่อยอดนโยบายได้ดีขึ้น พร้อมทั้งการเชื่อมกับสวน 15 นาที ซึ่งสามารถออกแบบตามความต้องการของผู้ใช้งานในชุมชน อาจเป็นพื้นที่ที่ทำขนานกับเรื่องเกษตร ปรับใช้เป็น farmer market ไม่ต้องผ่านตัวกลาง ส่งเสริมให้ชุมชนสร้างรายได้มากยิ่งขึ้น

‘การสร้างพื้นที่เกษตรในเมือง เป็นมากกว่าแค่เกษตรในเมือง’ แต่เป็นแนวทางที่ช่วยพัฒนาเมืองในหลายมิติ ทั้งการสร้างพื้นที่ให้กับชุมชน นำมาผสานเข้ากับนโยบายผลักดันให้เกิดการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสุขภาพ ส่งเสริมอาชีพ และสนับสนุนเมืองที่ยั่งยืน ดังนั้นการพัฒนาเกษตรในเมืองจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของ “การเกษตร” แต่เป็นการสร้างระบบที่ช่วยให้เมืองและผู้คนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีคุณภาพ ผ่านการพัฒนาเกษตรควบคู่ไปกับสังคม
เกษตรในพื้นที่กทม. ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปลูกพืชเพื่อบริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับเมือง ทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อมและสังคม การส่งเสริมการทำเกษตรในเมืองจึงมุ่งเน้นให้เกิดการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ลดปัญหาขยะอาหารและลดระยะทางของการขนส่งอาหาร ซึ่งส่งผลต่อการลดมลภาวะ และแม้กทม. จะไม่สามารถเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบหลักได้ แต่การสนับสนุนให้เกิดการปลูกพืชผักในพื้นที่ว่างเปล่า มาใช้ให้เกิดประโยชน์ นับว่าเป็นแนวคิดที่ดีในการนำเกษตรในเมืองมาผสานกับการขับเคลื่อนเชิงนโยบายของกทม.
ท้ายที่สุดนี้ การทำเกษตรในเมืองไม่ใช่แค่เรื่องของการปลูกพืช แต่เป็นการบูรณาการหลายมิติเพื่อสร้างความยั่งยืน ตั้งแต่การบริหารจัดการพื้นที่ การจัดการขยะ ไปจนถึงการสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่จะช่วยให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่น่าอยู่และพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาพื้นที่สุขภาวะด้วยแนวคิดเกษตรในเมือง: กลไกบูรณาการเชิงนโยบายเพื่อสร้างพื้นที่สุขภาวะ และพื้นที่ส่งเสริมความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหารของกรุงเทพมหานคร ดำเนินการโดยศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (UDDC-CEUS) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)