urban life



พลอากาศตรี หม่อมหลวงประกิตติ เกษมสันต์ นายกสภาสถาปนิก ว่าด้วยสถาปนิกกับแผนการพิชิตโควิด

04/05/2020

ทันที่เราได้ยินโครงการ Zero Covid ซึ่งเป็นความร่วมมือของสภาสถาปนิกกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อช่วยบุคลากรทางการแพทย์และสังคมในการพิชิตโรคระบาดที่กำลังเป็นปัญหาบาดอกบาดใจเราทุกวันนี้ อดสงสัยไม่ได้เหล่าสถาปนิกเหล่านี้จะเข้าไปช่วยส่วนไหน แบบไหนได้บ้าง  The Urbanis มีโอกาสได้พูดคุยกับพลอากาศตรี หม่อมหลวงประกิตติ เกษมสันต์ นายกสภาสถาปนิกถึงที่มาของโครงการ ว่าทำไมสถาปนิกถึงมีบทบาทที่จำเป็นไม่น้อยในการช่วยเหลือสังคมให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ แรกเริ่ม Zero Covid Project เกิดขึ้นมาได้อย่างไรมาจากอะไร และทำไมงานสถาปัตยกรรมถึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับโรคระบาด  เรื่องเริ่มมาจากว่า ศูนย์การออกแบบเพื่อสังคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งทำงานเรื่องการสนับสนุนการเอาวิชาชีพและเทคโนโลยีด้านการออกแบบมารับใช้สังคม พอมีเหตุการณ์เรื่องสถานการณ์โควิด-19 ทางศูนย์ฯ ก็เข้าไปทำวิจัยเพื่อสร้างแบบจำลองของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสังคม ก็พบว่ามันมีแนวโน้มที่โรคนี้จะมีการระบาดเพิ่มขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบกับเคสจากต่างประเทศในตอนที่เริ่มทำวิจัยเมื่อหลายเดือนก่อน เราก็เห็นว่าเมืองไทยก็น่าจะไปทางนั้น ซึ่งหากสถานการณ์เป็นอย่างนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มมากกว่าจำนวนเตียงหรือมากกว่าขีดความสามารถในการรักษาพยาบาลที่ประเทศเรามีอยู่ ก็เลยมีความคิดว่าน่าจะจัดตั้งโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยโรงพยาบาล พอตั้งโครงการนี้เสร็จ ก็เสนอไปที่คณะสถาปัตย์จุฬาฯ ผ่านทางสมาคมนิสิตเก่าคณะสถาปัตย์จุฬา​ฯ​ เพราะแนวทางที่จะใช้แก้ปัญหานี้คือการออกแบบอาคารของโรงพยาบาล ซึ่งก็เข้ามาเกี่ยวข้องกับวิชาชีพสถาปัตย์โดยตรง จากนั้นก็เริ่มมีการประสานงานกับนักออกแบบที่มีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับอาคารทางการแพทย์ การพยาบาล  ส่วนสภาสถาปนิกเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็เพราะว่า ระหว่างที่เกิดวิกฤตนี้ขึ้นมา ก็มีหลายหน่วยงานติดต่อเราเข้ามาเหมือนกัน เพราะเรามีหน้าที่โดยตรงเพราะเป็นหน่วยงานตามพระราชบัญญัติที่มีหน้าที่ต้องให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านที่เกี่ยวข้องกับงานสถาปัตยกรรม เราเข้าไปช่วยประสานงานไปยังสมาชิกของเราที่มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับงานออกแบบโรงพยาบาล พอเริ่มมีการติดต่อก็พบว่ามันก็ไปทับซ้อนกับโครงการซีโร่โควิดซึ่งเขาก็ประสานงานไว้เหมือนกัน พอเป็นอย่างนั้น หากเราจะต่างคนต่างทำเรื่องเดียวกันก็มาทำด้วยกันเลยน่าจะดีกว่า สุดท้ายก็กลายเป็นความร่วมมือกันระหว่าง สภาสถาปนิก สมาคมนิสิตเก่าคณะสถาปัตย์จุฬา​ฯ​ ร่วมกับและศูนย์​การออกแบบเพื่อสังคมจุฬา​ลง​กร​ณ์ ปัจจุบันประเทศไทยมีสถาปนิกที่เชี่ยวชาญการออกแบบโรงพยาบาลมากแค่ไหน มีไม่มากนัก ส่วนมากจะเป็นสำนักงานสถาปนิกขนาดใหญ่อยู่สามสี่แห่งเท่านั้น อีกที่หนึ่งก็คือกระทรวงสาธารณสุขโครงกาสรนี้เราดึงทุกคนที่ว่าเข้ามาช่วยกันทั้งหมด […]

Big Data ที่ดี คือทางเลือกหนึ่งของการแก้ปัญหาภัยพิบัติ คุยกับ ผศ. ดร. ทวิดา กมลเวชช ในวันที่ไวรัสป่วนเมือง

23/04/2020

จนถึงตอนนี้การระบาดของไวรัสโควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปแล้วเกือบสองแสนชีวิต ภัยพิบัติครั้งนี้ส่งผลกระทบให้โลกทั้งโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง เป็นภัยพิบัติหน้าใหม่ที่ทั้งโลกกำลังหาวิธีการรับมือ เป็นภัยพิบัติที่ทุกคนต้องเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง  สำหรับประเทศไทย ตัวเลขของผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดชนิดนี้กำลังเข้าสู่จำนวนครึ่งร้อย หากเทียบตัวเลขกับนานาประเทศแล้ว ประเทศไทยมีตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงการเตรียมพร้อมรับมือที่ดี  แต่ทว่าเสียงบ่นระงมถึงมาตรการต่างๆ ที่รัฐยื่นมาช่วยเหลือเยียวยาประชาชนนั้นดูจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ทำได้ไม่ทั่วถึง ยังมีความไม่ชัดเจนในเรื่องการสื่อสารสั่งการ หรือกระทั่งการปิดเมืองที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ตลอดจนการวิ่งไล่ตามหลังปัญหาเสมอมาของการจัดการแบบประเทศไทย การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นสถานการณ์ร้อนๆ ที่ยังหาบทสรุปไม่ได้ จึงมีเรื่องให้ต้องเปลี่ยนแปลงกันวันต่อวัน  ส่วนวันนี้คุยกับ ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติ  ทบทวนว่าที่ผานมาเราพลาดอะไรกันไป แล้วต่อไปเราจะแก้ไขอะไรได้บ้าง  นัดพบครั้งนี้ไม่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากันเพราะเราต่างต้อง social distancing และ physical distancing หยุดเชื้อ เพื่อชาติ…   งานภัยพิบัติในประเทศไทยไม่เคยได้รับความสำคัญในลำดับแรกๆ เพราะอะไร หนึ่ง เราโฟกัสกับการพัฒนาเรื่องอื่นอยู่ อย่างที่สองเราเจอภัยแรงๆ ที่ทำให้เสียหายน้อยครั้ง มันเลยเกิดอาการที่ไม่ได้ใส่ใจกับปัญหามากหนัก จนมาถึงสาเหตุที่ 3 ระดับความรู้ในเรื่องนี้ของประเทศมันไปให้ความสนใจกับวิทยาศาสตร์มากกว่าสังคมศาสตร์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่ความผิด การเรียนรู้เรื่องภัยพิบัติในแบบคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ ในแบบคำอธิบายทางวิศวกรรม ทางกายภาพหรือทางเครื่องไม้เครื่องมือนั้นง่ายกว่าอยู่แล้ว เพราะจับต้องได้มากกว่า  ส่วนเรื่องสุดท้ายที่ทำให้ประเทศไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่บอกไม่ได้ว่าผลของมันคืออะไร คำว่าผลของมันคืออะไร ลองนึกถึงว่า ถ้าอยากให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นก็ทำได้ด้วย […]

นิยายแห่งสองชรานคร : เราควรออกแบบเมืองเพื่อคนแก่ หรือเมืองเพื่อเตรียมคนให้แก่อย่างมีคุณภาพ?

27/12/2019

เมื่อพูดถึง “เมือง” เราอาจจะนึกถึงความพลุกพล่านเร่งรีบของผู้คนหนุ่มสาววัยทำงานตามท้องถนน แต่ตัวละครหนึ่งที่เรามักมองข้ามก็คือ “ผู้สูงวัย” แต่ประเด็นคือ ปัจจุบันโครงสร้างจำนวนประชากรที่สูงวัย มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ สถิติจาก United Nations Department of Economic and Social Affairs (UNDESA) คาดการณ์ว่าในปี 2030 จำนวนประชากรผู้สูงอายุทั่วโลกจะมีราว 1,402 ล้านคน และในปี 2050 จะเพิ่มเป็น 2,092 ล้านคน โดยประเทศที่มีประชากรผู้สูงอายุมากที่สุดในโลกคือ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และ ไทย   ดังนั้น จึงพูดได้ว่า สังคมไทยกำลังก้าวสู่การเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) อย่างสมบูรณ์แบบในอนาคต และคนไทยสูงวัยในอนาคตที่ว่า – ก็คือพวกเราหนุ่มสาววัยทำงานในปัจจุบันนี่เอง แล้วเมืองของเราได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้ไว้แค่ไหน? ลินดา แกรตตัน ศาสตราจารย์แห่ง London Economic School ผู้เขียนหนังสือ The 100-Year Life […]

1 2 3