15/02/2024
Mobility
“หากราชวิถีจะมีสกายวอล์ค” ผลสำรวจความคิดเห็นต่อการเดินเท้าบริเวณถนนราชวิถีของประชาชนผู้ใช้งานพื้นที่
ธนพร โอวาทวรวรัญญู
“ทางเดินยกระดับ” หรือ “สกายวอล์ค (SKYWALK)” หนึ่งในยุทธศาสตร์ที่จะช่วยให้เกิดการยกระดับศักยภาพการเดินเท้าในเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่บริเวณที่มีข้อจำกัดทางพื้นที่ อาทิ พื้นที่แคบไม่สามารถขยายพื้นที่ทางเท้าได้ พื้นที่ทางเท้าขาดความต่อเนื่องจากการมีทางเข้า-ออกจำนวนมาก พื้นที่ที่มีปริมาณคนเดินเท้าหนาแน่น ฯลฯ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มศักยภาพการเชื่อมต่อการเข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะและโครงข่ายการสัญจรระดับอาคาร
ถนนราชวิถี เป็นหนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ควรมีการศึกษาความเหมาะสมในการพัฒนาสกายวอล์ค เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสู่การเป็นย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี-ราชวิถี ดังนั้น กรุงเทพมหานคร และคณะทำงานโครงการฯ จึงได้มีการจัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นต่อการเดินเท้าบริเวณถนนราชวิถี ตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิถึงแยกตึกชัย ของประชาชนผู้ใช้งานพื้นที่กว่าหนึ่งพันคน เกี่ยวกับข้อมูลพฤติกรรมการเดินเท้าในพื้นที่ ปัญหาที่พบเจอ ความต้องการในการพัฒนา รวมถึงความคิดเห็นต่อการพัฒนาสกายวอล์คในพื้นที่
กว่า 82% เห็นด้วยต่อการพัฒนาสกายวอล์คบริเวณถนนราชวิถี
จากการสำรวจความเห็นต่อการพัฒนาทางเดินยกระดับ มีผู้ให้ความเห็นทั้งสิ้น 1,236 คน พบว่า 82% “เห็นด้วย” กับการสร้างและพัฒนาให้บนถนนราชวิถีมีทางเดินยกระดับ โดยมีผู้ให้ความเห็นเพิ่มเติมที่สนับสนุนความคิดที่เห็นด้วยอย่างหลากหลาย อาทิ การช่วยลดความเสี่ยงเวลาเดินข้ามถนน ความสะดวกสบายในการเดินทาง การมีโครงสร้างกันแดดกันฝน การช่วยเสริมความปลอดภัยให้กับผู้คนที่เปราะบางในการเดินทาง เช่น คนตาบอด หรือ คนพิการ ลดการจราจรติดในตอนเช้า และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการโรงพยาบาลที่มักจะต่อรถมาจากขนส่งสาธารณะ
ผู้ที่ไม่แน่ใจ คิดเป็น 12% ที่ส่วนมากยังมองภาพไม่ออกว่าหากมีการพัฒนาทางเดินยกระดับในพื้นที่ จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือผลกระทบเช่นไรบ้าง ส่วนหนึ่งมีความกังวลในช่วงเวลาการก่อสร้างหากมีการพัฒนาจริง ที่จะส่งผลให้เกิดการจราจรที่ติดขัด จึงอยากให้ทางผู้ดำเนินการมีการวางแผนงานในส่วนนี้อย่างละเอียด
ผู้ที่ไม่เห็นด้วย คิดเป็น 6% เนื่องจากยังไม่แน่ใจต่อรูปแบบของทางเดินยกระดับที่จะมีการออกแบบ กังวลในเรื่องการบดบังทัศนียภาพ และการใช้งานจริงของคนทุกกลุ่ม หรือบางกลุ่มมองว่าผู้คนไม่ได้มีการเดินเท้ามากเพียงพอที่จะคุ้มค่าต่อการลงทุน รวมถึงมีความกังวลต่อการบริหารจัดการพื้นที่ทั้งในระหว่างการก่อสร้างและหลังการเปิดใช้งาน
ทางเท้าถนนราชวิถี พื้นที่ที่คนทุกกลุ่มใช้งานทางเท้า
จากการสำรวจข้อมูลลักษณะทั่วไปของผู้ใช้งานทางเท้าถนนราชวิถี พบว่า มีคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ
ทุกวัย ที่สัญจรด้วยการเดินเท้าบนถนนราชวิถี โดยมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 36-37 ปี ผู้ที่ให้ความคิดเห็นที่มีอายุมากที่สุดอยู่ที่ 90 ปี และน้อยที่สุดอายุ 8 ปี ส่วนมากเป็นกลุ่มคนอายุ 22 – 40 ปี จำนวน 31.63% รองลงมาคือ กลุ่มนักเรียน/ นักศึกษา อายุน้อยกว่า 22 ปี คิดเป็น 30.43% ที่เข้ามาทำงานและเรียนหนังสือในพื้นที่
ด้านเพศ พบว่า ผู้ตอบแบบสบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็น 57.52% รองลงมาคือ เพศชาย คิดเป็น 39.08% เพศทางเลือก 2.27% และไม่ต้องการระบุ 1.13%
ด้านอาชีพ พบว่า ส่วนมากเป็นนักเรียน นักศึกษา กว่า 28.24% รองลงมาคือ ข้าราชการ/ พนักงานรัฐวิสาหกิจ 22.17% อาชีพอื่น ๆ เช่น เกษียณอายุ แม่บ้าน และว่างงาน คิดเป็น 18.28% และทำธุรกิจส่วนตัวหรือค้าขาย 13.67% ตามลำดับ
นอกจากผู้ใช้งานทางเท้าในพื้นที่จะมีลักษณะตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้นแล้ว จากการสังเกตการณ์และสำรวจพื้นที่ ยังพบว่า ผู้ใช้งานทางเท้าบนถนนราชวิถี มีกลุ่มเปราะบางทั้ง เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ที่ประสบปัญหาในการใช้งานทางเท้าในพื้นที่ แต่มีความจำเป็นเนื่องจากจุดหมายปลายทางอยู่ในพื้นที่ ดังนั้น การออกแบบเพื่อทุกคน (Design for All) จึงเป็นโจทย์สำคัญในการศึกษาและออกแบบครั้งนี้
กว่า 90% ของผู้ใช้งานอาศัยอยู่ใน กทม. และปริมณฑล
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากอาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลกว่า 90% โดยกระจุกตัวอยู่ที่เขตราชเทวี พญาไท ดินแดง จตุจักร และบางเขน เป็นกลุ่มคนทำงานหรือเรียนภายในพื้นที่ ส่วนในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ อีก 10% มาจากจังหวัดที่หลากหลาย ส่วนหนึ่งจะเป็นกลุ่มที่มาพบแพทย์หรือทำธุระโรงพยาบาล และอีกส่วนหนึ่งมาเพื่อเปลี่ยนถ่ายการสัญจร
ชาวเมืองต้องใช้การเดินทางมากกว่า 2 รูปแบบ
จากการเก็บข้อมูลรูปแบบการเดินทาง พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่จะมีการเดินทางมากกว่า 2 รูปแบบขึ้นไป เช่น เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสและต่อด้วยการเดินเท้า หรือเดินทางด้วยรถประจำทางและต่อด้วยมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ มีความจำเป็นจะต้องใช้การเดินเท้าในการเข้าถึงพื้นที่จุดหมายปลายทาง ซึ่งสามารถแบ่งสัดส่วนรูปแบบการเดินทางจากมากไปน้อย ดังนี้
- รถโดยสารประจำทาง คิดเป็น 27.90%
- รถไฟฟ้าบีทีเอส คิดเป็น 23.64%
- เดินเท้า คิดเป็น 20.08%
- รถยนต์ส่วนตัว คิดเป็น 16.47%
- รถจักรยานยนต์ คิดเป็น 8.03%
- การเดินทางรูปแบบอื่น ๆ เช่น รถตู้ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถขนส่งรับจ้าง รถไฟ และรถโดยสารพนักงาน คิดเป็น 3.86%
ถนนราชวิถีศูนย์รวมสถาบันการแพทย์และการศึกษาของประเทศ
เนื่องจากบริเวณถนนราชวิถีเป็นพื้นที่ที่มีสถาบันการแพทย์และการศึกษากว่า 12 แห่ง ที่ล้วนแล้วเป็นศูนย์รวมการรักษาและองค์ความรู้ที่สำคัญของประเทศ จึงส่งผลให้พื้นที่นี้เป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของกรุงเทพมหานคร สอดคล้องกับการเก็บข้อมูลวัตถุประสงค์การเดินเท้าของผู้ตอบแบบสอบถาม ที่พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เดินเท้าเพื่อมาทำงานหรือเรียนมากที่สุด คิดเป็น 33.38% รองลงมาคือ มาพบแพทย์/ ติดต่อธุระที่โรงพยาบาล คิดเป็น 20.41% เปลี่ยนถ่ายการสัญจร คิดเป็น 17.67% จับจ่ายใช้สอย คิดเป็น 16.55% เดินเท้าเพื่อไปยังที่อยู่อาศัย คิดเป็น 9.19% และอื่น ๆ เช่น พักผ่อน และท่องเที่ยว คิดเป็น 2.81%
ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่จะมีวัตถุประสงค์ในการเดินเท้าในพื้นที่มากกว่า 2 วัตถุประสงค์ เช่น เดินเท้าจากจุดเปลี่ยนถ่ายการสัญจร เพื่อไปจับจ่ายใช้สอยก่อนจะเดินกลับที่พัก หรือ เดินเท้าจากโรงพยาบาลไปยังร้านอาหารก่อนจะเดินไปยังจุดเปลี่ยนถ่ายการสัญจร เป็นต้น
ทางเท้าแคบ อันตราย ไม่น่าเดิน สัมทับด้วยฝุ่นควันจากรถยนต์
จากความคิดเห็นต่อประเด็นปัญหาในการเดินเท้าของผู้ใช้งาน พบปัญหาการใช้งานทางเท้าราชวิถีหลากหลาย โดยสามารถเรียงตามลำดับคะแนนได้ดังนี้ (เต็ม 5 คะแนน)
- ฝุ่นควันและมลพิษ มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.26 คะแนน
- แดด/ ความร้อน/ ฝนตก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.07 คะแนน
- ทางเท้าแคบและมีสิ่งกีดขวาง ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.89 คะแนน
- อันตรายจากรถยนต์/ มอเตอร์ไซค์ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.80 คะแนน
- ทางเท้าไม่เรียบ ขรุขระ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.74 คะแนน
- ความสกปรกของทางเท้า/ กองขยะ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.55 คะแนน
- ความสว่างทางเท้า ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.37 คะแนน
โดยมีความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้ทำแบบสอบถามว่า บริเวณนี้เป็นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น และรถติด ทำให้มีฝุ่นควันและมลพิษสูง ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทางเท้า อีกทั้งยังไม่มีที่บังแดดและฝน เป็นอุปสรรคในการเดินเท้าช่วงเวลากลางวันและเวลาที่ฝนตก ทางเท้าบริเวณฝั่งหน้าโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าค่อนข้างแคบและมีหาบเร่แผงลอยบนทางเท้า ทำให้เดินไม่สะดวก บางครั้งต้องลงมาเดินบริเวณถนนซึ่งเป็นอันตรายทั้งต่อตัวผู้ใช้ทางเท้าและผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงทางเดินยกระดับที่เชื่อมต่อจากสถานีรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิยังขาดช่วงทำให้การเดินเท้าไปถนนราชวิถีไม่ต่อเนื่อง ดังนั้น การวางแผนยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมการเดินเท้าในบริเวณนี้จึงต้องมีการศึกษาแนวทางที่เหมาะสมและตอบรับกับปัญหาที่ผู้ใช้งานพื้นที่พบเจอในชีวิตประจำวัน
ผู้ใช้งานทางเท้าราชวิถีร่วมส่งเสียงความต้องการการพัฒนา
ด้านความต้องการในการพัฒนาคุณภาพการเดินเท้าในพื้นที่บริเวณราชวิถีจากผู้ตอบแบบสอบถามสามารถเรียงลำดับความต้องการจากมากไปน้อยได้ดังนี้ (เต็ม 5 คะแนน)
- ทางเท้ามีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.61 คะแนน
- ทางเดินเท้าไม่มีสิ่งกีดขวาง ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.51 คะแนน
- ทางเดินเท้ามีร่มเงามากขึ้น ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.39 คะแนน
- ทางเดินเท้ากว้างขึ้น ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.25 คะแนน
- ทางเดินเท้ามีป้ายบอกทาง ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.19 คะแนน
- ทางเดินเท้ามีที่นั่งพัก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.76 คะแนน
โดยมีความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้ทำแบบสอบถามว่า ต้องการให้ทางเท้ามีความปลอดภัยในการเดินเท้ามากขึ้น ทางเท้าควรมีขนาดที่กว้างมาก และมีการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ทางเท้าต้องลงไปเดินบริเวณถนนที่มีความอันตราย รวมถึงต้องมีจุดทางข้ามและสัญญาณไฟจราจรคนข้ามถนนที่เหมาะสม เพื่อป้องกันอันตรายจากการข้ามถนน มีการเพิ่มที่บังแดดและฝน เพื่อให้การเดินเท้าในช่วงเวลากลางวันหรือเวลาฝนตกสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุด เนื่องจากบริเวณนี้ เป็นศูนย์รวมทางด้านการแพทย์ ควรมีป้ายบอกทางและพื้นที่สำหรับการนั่งพัก ไว้รองรับกลุ่มผู้ป่วย ผู้อายุ และผู้พิการที่ต้องเข้ามาใช้งานในพื้นที่เช่นเดียวกัน เนื่องจากในปัจจุบันทางเท้าบริเวณนี้ยังไม่มีการออกแบบที่เหมาะสมกับการใช้งานของคนทุกกลุ่ม
สกายวอล์คราชวิถี ควรมีการออกแบบอย่างไร
จากการเก็บข้อมูลความเห็นต่อการออกแบบสกายวอล์คถนนราชวิถี พบว่า ผู้ให้ความเห็นมีความต้องการต่อคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของการออกแบบอยู่ในระดับที่เห็นด้วยมากถึงมากที่สุด โดยสามารถเรียงลำดับคุณลักษณะที่พึงมีจากมากที่สุด ไปน้อยที่สุด ได้ดังนี้ (เต็ม 5 คะแนน)
- มีกล้องวงจรปิดได้ 4.74 คะแนน
- เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า และจุดจอดรถโดยสารประจำทางได้ 4.57 คะแนน
- มีปุ่มส่งสัญญานขอความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ 4.53 คะแนน
- เชื่อมต่อกับอาคารหน่วยงานต่าง ๆ ที่อยู่บนถนนราชวิถี อาทิ โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ฯลฯ ได้ 4.51 คะแนน
- มีป้ายบอกทาง แผนที่ และข้อมูลพื้นที่สำคัญในย่านได้ 4.42 คะแนน
- มีอุปกรณ์ช่วยเหลือ/ปฐมพยาบาลฉุกเฉินและถังดับเพลิงได้ 4.33 คะแนน
- เปิดให้ใช้งาน 24 ชั่วโมงได้ 4.21
- มีลิฟต์สำหรับขึ้น-ลงเป็นช่วง ๆ 4.20 คะแนน
- มีความกว้างอย่างน้อย 4 เมตรได้ 4.11 คะแนน
- มีบริการรถกอล์ฟรับ-ส่งได้ 3.49 คะแนน
นอกจากนี้ ยังมีการให้ความเห็นเพิ่มเติม ในการการออกบบแสงสว่างทั้งด้านบนและด้านล่างโครงสร้างทางเดินยกระดับ การแก้ไขปัญหาคนไร้บ้าน การดูแลรักษาความสะอาด การมีห้องน้ำสาธารณะ และการมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยข้อมูลส่วนนี้จะเป็นฐานในการออกแบบต่อไป
ท้ายที่สุดนี้ จากผลสำรวจจะเห็นได้ว่า ผู้ใช้งานบริเวณราชวิถี ตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิถึงแยกตึกชัย มีกลุ่มคนที่หลากหลายตั้งแต่เด็ก คนวัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ ที่ส่วนมากเข้ามาทำงานและมาเรียนในพื้นที่ รวมถึงพบแพทย์และติดต่อธุระที่โรงพยาบาล อันเป็นจุดหมายสำคัญของพื้นที่ ผู้คนที่ใช้งานพื้นที่ส่วนมาก หากเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารประจำทางหรือรถไฟฟ้า มีความจำเป็นจะต้องใช้การเดินเท้าเดินทางเพื่อเข้าถึงพื้นที่จุดหมาย หากแต่ทางเท้าบนแนวถนนราชวิถียังมีปัญหาอยู่มากที่ควรต้องดำเนินการแก้ไขหรือพัฒนา ผู้ใช้งานต้องการให้มีการพัฒนาพื้นที่ทางเท้าให้กว้างขึ้น ปลอดภัยขึ้น มีร่มเงา และลดสิ่งกีดขวางบนช่องทางเดิน
ดังนั้น การพัฒนาทางเดินลอยฟ้าบนแนวถนนราชวิถีจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการยกระดับการเดินเท้า ภายใต้ข้อจำกัดที่ไม่สามารถขยายพื้นที่ทางเท้า ซึ่งผู้ใช้งานที่ตอบแบบสอบถามส่วนมาก “เห็นด้วย” กับการพัฒนาทางเดินยกระดับ แต่ขอให้มีการพัฒนาควบคู่ไปกับทางเท้าด้านล่าง ซึ่งจากผลการวิเคราะห์นี้ คณะทำงานจะนำความคิดเห็นเป็นฐานในการจัดทำข้อเสนอการพัฒนาต่อไป