10/12/2019
Mobility
เมื่อการเดินกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
ชยากรณ์ กำโชค
ชยากรณ์ กำโชค
เบรนท์ ชเลนเดอร์ เคยเขียนเรื่องราวของ สตีฟ จอบส์ ตีพิมพ์ลงใน Fortune และ The Wall Street Journal เป็นเรื่องราวที่เปิดเผยเบื้องหลังพฤติกรรมบางอย่างที่นำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมเปลี่ยนโลกมากมายในนาม “แอปเปิ้ล”
พฤติกรรมที่ว่าไม่ใช่เรื่องซับซ้อนหรือลึกลับใดๆ แต่เป็นเรื่องพื้นฐานของพวกเราทุกคน
พฤติกรรมที่ว่าก็คือ – การเดิน
เขาเล่าว่า สตีฟ จอบส์ เชิญเขาไปที่บ้านและสร้างบทสนทนาด้วยการเดินคุยกัน สอดคล้องกับที่หลายๆ คนรอบตัวของศาสดาแห่งแอปเปิลผู้นี้ บอกว่า เขามักเชิญให้ทีมงานระดมความคิดใหม่ๆ ด้วยการเดินรอบๆ แอปเปิลแคมปัส เดินไป คุยไป เพื่อสร้างสรรค์ความคิดใหม่ๆ
เมื่อพูดถึงการเดินและความคิดสร้างสรรค์ก็ชวนให้คิดถึง แมริลี ออพเพซโซ่ นักวิทยาศาสตร์ด้านพฤติกรรมและการเรียนรู้ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐฯ เธอเคยขึ้นเวที TED Talk ในหัวข้อ “Want to be more creative? Go for a walk” หรือ อยากมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นเหรอ? ออกไปเดินสิ!
ฟังย้อนหลัง https://www.ted.com/talks/marily_oppezzo_want_to_be_more_creative_go_for_a_walk
แมริลี เล่าให้ฟังถึงงานวิจัยของเธอที่ตีพิมพ์ในวารสารการทดลองทางจิตวิทยาเมื่อปี 2015 โดยศึกษาระดับความคิดสร้างสรรค์ เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างนั่งและเดิน ผลปรากฎว่าผู้ที่เดินคิด ไม่ว่าจะเดินนอกสถานที่หรือเดินบนลู่วิ่งในร่ม จะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าที่นั่งคิดเฉลี่ยมากกว่า 60 เปอร์เซนต์
การทดลองของเธอเกิดขึ้นกับกลุ่มตัวอย่างนักศึกษา 176 คน ทุกคนได้รับโจทย์ที่เหมือนกัน นั่นคือ ให้ทุกคนคิดวิธีการใช้งานสิ่งของธรรมดาๆ ในชีวิตประจำวันให้ได้มากที่สุด แตกต่างมากที่สุด และต้องสามารถนำมาปฏิบัติได้จริง ยกตัวอย่างเช่น กุญแจ ที่มีผู้ตอบว่าเอากุญแจขีดเขียนชื่อฆาตกรบนพื้นก่อนที่ตัวเองจะตาย
ทุกคนจะได้ทำแบบทดสอบ 2 ครั้ง ในเวลาเท่ากัน 4 นาที แต่ทุกคนจะถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
1. นั่งทำแบบทดสอบทั้ง 2 ครั้ง
2. นั่งทำแบบทดสอบครั้งแรก และ เดินบนลู่วิ่งในครั้งที่ 2
3. เดินบนลู่วิ่งครั้งแรก และ นั่งทำในครั้งที่ 2
ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ 1 (นั่งทั้ง 2 ครั้ง) สามารถคิดได้ 20 ไอเดีย ทว่า กลุ่มที่ 2 และ 3 คิดได้มากกว่า 2 เท่า !
กลุ่มแรกซึ่งนั่งคิดทั้งสองครั้งได้ประมาณ 20 ไอเดีย ส่วนกลุ่มสองและกลุ่มสามที่เดินสายพาน คิดไอเดียได้เกือบสองเท่า ! ใช่แล้ว กลุ่มที่ 3 แม้จะนั่งคิดในรอบที่ 2 แต่ความคิดก็ยังพรั่งพรู อันสรุปได้ว่า เพราะเป็นผลมาจากการเดินกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ในรอบที่ 1 นั่นเอง !
อย่างไรก็ตาม การทดสอบดังกล่าวไม่ใช่คำตอบของการทำงานบางประเภทที่ยังจำเป็นต้องโฟกัสและใช้สมาธิ ข้อเท็จจริงสนับสนุนโดยการทดสอบอีกชิ้นของเธอ นั่นคือ การให้กลุ่มตัวอย่างเติมคำในช่องว่าง ผลปรากฎว่า คนนั่งคิดได้ถูกต้องแม่นยำกว่านั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แมริลีเคยให้สัมภาษณ์ว่า แม้ไม่ใช่ทุกงานจะสำเร็จได้เพราะการเดิน แต่ที่แน่ๆ คือ ถ้าคุณอยากได้ไอเดียสดใหม่สำหรับเริ่มต้นงาน…การเดินเท่านั้นที่ช่วยได้
สอดคล้องกับแนวคิดของ บาร์บารา โอกลีย์ ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมแห่งมหาวิทยาลัยโอกแลนด์ ผู้เคยตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการเรียนรู้ ซึ่งหนึ่งในวิธีเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ก็คือการเดิน
เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า เป็นความเข้าใจผิดมาเสมอว่า การเรียนรู้ เท่ากับ การนั่งโฟกัสอย่างตั้งใจ แต่ความจริงแล้วการปล่อยให้ตัวเองเดินไปเรียนรู้ไปก็เป็นอีกหนทางที่ทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพเช่นกัน
แนวคิดดังกล่าวยังสอดรับการที่ เคลย์ ค็อกเรลล์ นักจิตบำบัดชื่อดังที่เปิดคลินิกให้คำปรึกษาที่นิวยอร์ก มีผู้ขอคำปรึกษาเฉลี่ยสัปดาห์ละ 35-40 คน
วิธีการรับฟังและให้คำปรึกษาของเขาไม่ใช่การนั่งบนโซฟาคนละตัว แต่คือการออกไปเดินตามพื้นที่สาธารณะของเมือง ซึ่งบางครั้งก็ไร้หัวข้อสนทนาตายตัว แต่เขาเชื่อว่ามันทำให้ผู้ขอคำปรึกษารู้สึกเป็นอิสระ กล้าเปิดเผย ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นผลจากการเดินนั่นเอง
จะเห็นว่า การเดินช่วยปลุกให้ความคิดสร้างสรรค์ของเราทำงานได้ในหลายมิติ
เพราะฉะนั้น – มาเดินกันเถอะ!
อ้างอิง
- https://www.ted.com/talks/marily_oppezzo_want_to_be_more_creative_go_for
_a_walk#t-7552 - https://news.stanford.edu/2014/04/24/walking-vs-sitting-042414/
- https://bigthink.com/21st-century-spirituality/walking-and-creativity
- https://medium.com/@DevinCHughes/why-walking-helps-us-think-stanford-
study-finds-walking-improves-81ecd5aa61b1 - https://qz.com/658725/research-backs-up-the-instinct-that-walking-improves
-creativity/