22/10/2025
Environment
สวนผักบำบัดจิต เกษตรในเมืองกับการฟื้นฟูจิตใจผู้ป่วย
The Urbanis

“ผมเชื่อว่าการบำบัดคนไข้ด้วยกระบวนการทำเกษตรจะมีส่วนช่วยทำให้คนไข้พัฒนาตัวเองจากการทำสิ่งที่มีคุณค่า ซึ่งจะทำให้เขารู้สึกว่าเขาก็มีคุณค่าเหมือนกัน”
แนวคิดเกษตรในเมือง ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ในเรื่องของการส่งเสริมความมั่นคง ความปลอดภัยทางอาหาร แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ใช้ส่งเสริมประโยชน์ทางสุขภาพ เสริมสร้างทักษะการพัฒนาจิตใจของผู้คน
ในบทความนี้ The Urbanis จึงอยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมอ่านการใช้เกษตรในเมืองเป็นเครื่องมือในการบำบัดผู้ป่วยจิตเวชในประเทศไทย กับ นพ.วีรพล อุณหรัศมี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา
สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กับการทำเกษตรในเมือง

สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา เป็นโรงพยาบาลจิตเวชแห่งแรกในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้น พ.ศ. 2432 ในอดีตศาสตราจารย์หลวงวิเชียรแพทยาคม หรือนายแพทย์เถียร ตูวิเชียร ได้นำแนวคิดการทำเกษตรเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำอุตสาหกรรมบำบัด หรือ อาชีวบำบัด เพื่อบำบัดคนไข้จิตเวช
ต่อมาในช่วง พ.ศ. 2556 ทางโรงพยาบาลได้มีการทำสวนบำบัดผ่านโครงการฟื้นฟูศักยภาพทางสังคม จิตใจ สำหรับผู้ป่วยจิตเวช โดยกลุ่มงานสังคมสงเคราะห์ สถาบันจิตเวชศาสตร์ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ป่วยทางจิตเวชที่อยู่ในช่วงพักฟื้น เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยจิตเวชให้มีความสามารถในการดูแลตัวเอง และสามารถดำเนินชีวิตในสังคมได้
เกษตรในเมืองกับการบำบัดผู้ป่วย
การบำบัดผู้ป่วยทางจิตเวชด้วยเกษตรในเมือง เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้คนไข้จิตเวชใช้ชีวิตได้ดีขึ้น เพื่อให้คนไข้สามารถมีทักษะการใช้ชีวิตในสังคม มีความเด็ดขาด ความภาคภูมิใจในสิ่งที่ได้ทำ และมีความสามารถในการใช้ชีวิตให้มีประสิทธิภาพ มากไปกว่านั้น หากเป็นไปได้ถึงขั้นสามารถทำให้ได้ผลผลิตทางการเกษตร สร้างมูลค่ากับสิ่งนั้นและตอบสนองกับสังคม เกิดการซื้อขายได้ จะทำให้เขามีอาชีพ สังคมให้การยอมรับ อันจะมีผลในทางบวกทั้งต่อสังคม และคนไข้เอง
“โรงพยาบาลมีแนวคิดที่จะใช้การทำเกษตรเพื่อการบำบัดผู้ป่วยต่อ อย่างที่ผ่านมาก็ได้มีการทำ แต่เมื่อมีระยะเวลามาจำกัด ทำให้โครงการไม่ต่อเนื่อง ซึ่งการทำโครงการเหล่านี้จะต้องมีความต่อเนื่อง คุณหมอที่รับผิดชอบฟื้นฟูผู้ป่วยก็มีการคุยกันภายในว่าเราควรจะมีการสอนปลูกพืช ผัก ฝึกให้ผู้ป่วยสามารถทำเกษตร และนำกลับไปปลูกที่บ้านได้โดยที่โรงพยาบาลทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางจำหน่ายผลผลิตที่ผู้ป่วยปลูก”

หลักการทำอาชีวบำบัดเปรียบเป็นกิจกรรมที่ให้ผู้ป่วยทำเพื่อเสริมสร้างทักษะการดำเนินชีวิต โดยทั่วไปจะต้องมีการประเมินอาการทางโรคของผู้ป่วย ความรู้ความสามารถ ความสนใจว่าสนใจเรื่องอะไร แล้วถึงจะมีการเลือกกิจกรรมตามสิ่งที่ผู้ป่วยสนใจ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ทำให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วม หากแต่การรักษาผู้ป่วยจิตเวชจะฟื้นตัวช้า เพราะฉะนั้นการหากิจกรรมให้คนไข้บำบัด จะเป็นการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของร่างกาย ความคิด การใช้ชีวิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบำบัดผู้ป่วย
“ผมเชื่อว่าการบำบัดคนไข้ด้วยกระบวนการทำเกษตรจะมีส่วนช่วยทำให้คนไข้พัฒนาตัวเองจากการทำสิ่งที่มีคุณค่า ซึ่งจะทำให้เขารู้สึกว่าเขาก็มีคุณค่าเหมือนกัน”
การทำเกษตรในเมืองในมุมของนพ.วีรพล
การทำเกษตร ถ้าทำเป็นธุรกิจก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าปลูกผักกินเองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คำถามคือ มีความตั้งใจแค่ไหน ตั้งใจจะปลูกกินเองเป็นหลัก หรือกินเป็นส่วนเสริม ถ้าจะปลูกเป็นหลักคุณจะบริโภคอย่างไร เช่น มีทุกวัน วันละกี่ใบ ต้องปลูกกี่ต้น ต้นนึงใช้เวลากว่าที่จะโตตัดกิ่งได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ประมาณ 45-60 วัน จำนวนใบที่เด็ดมีเท่าไหร่ ถ้าคุณเป็นส่วนเสริมไม่ยาก ถ้าคุณเป็นส่วนหลักจะยาก ยากในแง่ของปริมาณและความหลากหลาย
ด้านกระบวนการทำเกษตรในเมืองนั้น ต้องเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนเมือง การเกษตรแบบเดิมบนพื้นราบอาจไม่เพียงพอ เพราะพื้นที่ในเมืองมีราคาแพง และผลิตภาพต่ำ ทำให้การทำเกษตรในเมืองเป็นเรื่องท้าทาย อาจจะต้องมีการเตรียมความรู้วิธีการเพาะปลูก การจัดสรรพื้นที่ การดูแลฉบับคนเมือง ทำให้คนเมืองรู้สึกว่าเป็นไปได้ที่จะทำ และไม่ใช่เรื่องยาก ก็จะทำให้ได้รับความร่วมมือจากคนเมือง แต่ในอีกด้านหนึ่ง ปัจจุบันวิถีคนเมืองก็เลือกทานอาหารสุขภาพมากขึ้น สิ่งเหล่านี้อาจเป็นโอกาสสำหรับการทำเกษตรในเมือง ก็ต้องศึกษาวิถีคนเมืองแล้วก็ผลิตสินค้าที่เข้ากับวิถีคนเมือง
แผนในอนาคตของโรงพยาบาลกับการใช้เกษตรบำบัด
โรงพยาบาลมีผลในการทำเกษตรบำบัดที่เชื่อมโยงผลผลิตเข้ากับชุมชนและคอนโดรอบโรงพยาบาล อย่างการทำระบบสมาชิกรับซื้อผัก กระถางปลูกผัก และเป็นระบบที่จะส่งต่อผลผลิตให้กับชุมชน ครัวเรือนที่อยู่ละแวกโรงพยาบาล
โรงพยาบาลมีแนวคิดที่จะนำเกษตรในเมืองกลับมาเป็นกิจกรรมบำบัดผู้ป่วย แต่ต้องมีการคิดและออกแบบกิจกรรมอย่างละเอียด เพราะมีองค์ประกอบอื่นที่จำเป็น เช่น การมีบุคลากรที่มีองค์ความรู้ด้านการเพาะปลูกพร้อมกับบุคลากรที่สามารถอบรมกลุ่มผู้ป่วยจิตเวช บุคลากรที่จะมาช่วยบุคลากรทางการแพทย์บริหารจัดการ

โรงพยาบาลมีคนไข้หลายคนน่าสงสารมาก ต้องไปหางานทำข้างนอก ปัจจุบันโรงพยาบาลพยายามเป็นศูนย์กลางในการช่วยจำหน่าย จัดระบบให้ แต่ถ้าถามว่าให้ทุกคนมาปลูกผักบริโภคเป็นอาชีพ ปลูกเองกินเอง ไม่ต้องอาศัยวงนอก ต้องคิดเรื่องพื้นที่ แดด พืชผักหลากหลายและปริมาณว่ามีเพียงพอหรือไม่ ต้องคิดเรื่องเหล่านี้ให้ครอบคลุม
แม้ว่าปัจจุบันโรงพยาบาลจะไม่ได้ใช้แนวคิดเกษตรในเมืองเพื่อฟื้นฟูผู้ป่วยเป็นหลัก แต่ยังคงแนวคิดการใช้สวนเพื่อบำบัดผู้ป่วยผ่านปรับพื้นที่และภูมิทัศน์บางส่วนของโรงพยาบาลเป็นสวน ทำให้ผู้ป่วยได้ออกมาเคลื่อนไหวร่างกาย ดังนั้น บทบาทของเกษตรในเมือง ไม่ใช่แค่เพียงเป็นสวนผักเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารของเมือง พื้นที่สีเขียวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น หากแต่เป็นกระบวนการบำบัดจิตใจ การเปลี่ยนพื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมเพื่อสร้างและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางสังคม เพื่อการบำบัดรักษาสภาพจิตใจด้วยวิธีธรรมชาติ
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาพื้นที่สุขภาวะด้วยแนวคิดเกษตรในเมือง: กลไกบูรณาการเชิงนโยบายเพื่อสร้างพื้นที่สุขภาวะและพื้นที่ส่งเสริมความมั่นคงและปลอดภัยทางอาหารของกรุงเทพมหานคร สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)