ประท้วง-ช่วงชิง-เกทับ คุยกับธนาวิ โชติประดิษฐ เรื่องพื้นที่การชุมนุมและการเมือง
19/10/2020
การเมืองของมวลชนดูคุกรุ่น ร้อนแรงขึ้นทุกขณะ ประเด็นรุดหน้าไปอย่างที่หากมองย้อนอาจจะไม่มีใครคาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ ยามบ่ายของวันหนึ่ง ในวันที่สนามหลวงยังไม่มีอีกชื่อว่าสนามราษฎร เรามีนัดกับธนาวิ โชติประดิษฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เจ้าของวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาเอกเรื่อง ‘พลังทางการเมืองของศิลปกรรมที่สร้างขึ้นในสมัยคณะราษฎร’ เพื่อพูดคุยในเรื่องพื้นที่ของเมืองกับการชุมนุม การช่วงชิงอำนาจในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ ไปจนถึงหมุดคณะราษฎร (1) ประท้วง Q: สังเกตว่าช่วงที่ผ่านมาการชุมนุมเริ่มเกิดบ่อยครั้งขึ้นและมักเข้ามาเสนอข้อเรียกร้องในเมือง ทำไมเป็นเช่นนั้น มีปัญหาที่ชุมชนแห่งใดแห่งหนึ่งแล้วทำไมเขาต้องมาเรียกร้องในเมืองแบบนี้ใช่ไหม ถ้าพูดอย่างนี้ก็เหมือนกับว่าไม่มีการเรียกร้องหรือชุมนุมในพื้นที่ที่เป็นปัญหาเลย แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ อย่างไรก็ดี ถึงจุดหนึ่งก็จะต้องมีการชุมนุมในเมืองด้วย อย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ คิดว่ามันไม่ได้มีประเด็นซับซ้อนมากไปกว่าเรื่องที่ว่าการชุมนุมเรียกร้องอะไรบางอย่าง นั้นจำเป็นต้องเป็นที่รับรู้ในวงกว้าง คือต้องให้สาธารณชนรับรู้ว่ามีประเด็นนี้อยู่ เป็นปัญหาที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอยากจะส่งเสียง พื้นที่ทำหน้าที่เป็นตัวรองรับในเชิงกายภาพก็จริง แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นแค่สถานที่ที่บรรจุคน มันมีบทบาทอย่างอื่นด้วย พื้นที่การชุมนุมจะต้องเป็นที่ๆ คนเห็นได้ในวงกว้าง ในหลายกรณี พื้นที่ที่คนไปชุมนุมอาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพื้นที่ที่เป็นต้นตอของปัญหาเลยก็ได้ แต่มันก็จะมีความสำคัญในแบบอื่น เช่น มันเป็นพื้นที่หน้าทำเนียบรัฐบาล หรือว่าอยู่หน้าโรงงานอะไรสักอย่างที่เขาจะไปประท้วง ซึ่งพื้นที่พวกนี้มันอยู่ในเมือง คนก็ไม่ได้ไปประท้วงเรื่องป่ารอยต่อในป่าใช่ไหม Q: ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะสะท้อนว่าการตัดสินใจส่วนใหญ่มาจากเมืองด้วยไหม มันก็ขึ้นอยู่ว่าเรื่องนั้นคนที่ต้องจัดการมันอยู่ที่ไหน หน่วยงานที่ต้องจัดการอยู่ที่ไหน เรื่องมันใหญ่ขนาดไหน ถ้าคุณต้องการที่จะประท้วงโรงงานก. ที่อยู่ในอำเภอข. คุณก็อาจจะไปประท้วงหน้าโรงงานนั้น มันก็อาจไม่จำเป็นต้องไปประท้วงที่กรุงเทพฯ ก็ได้ แต่ถ้าหน่วยงานที่คุณต้องสื่อสารเรื่องนี้ด้วยมันอยู่ในเมือง […]